อย่าให้วันเวลาผ่านไปโดยไม่เก่งขึ้น

อย่าให้วันเวลาผ่านไปโดยไม่เก่งขึ้น

หลังหยุดยาวในเทศกาลแห่งความสุข โลกแห่งความเป็นจริงก็กลับมาใหม่ การงานเดิมๆ กลับมา ปัญหาเดิมๆ ก็ย้อนกลับมาอีก

เหมือนวันเวลาไมได้ทำให้ปัญหาเหล่านั้นหดหายไปเลย เพียงแค่ห่างเหินกันไปไม่กี่วัน ดังนั้น ถ้าเราปล่อยวันเวลาให้ผ่านไป คือเคยทำอะไรมา ก็ทำอย่างนั้นต่อไป จะมีอีกสักกี่รอบปีใหม่ ก็ไม่ทำให้ตัวเรามีอะไรดีขึ้น จะมีก็เพียงยังได้ฉลองปีใหม่ครั้งแล้ว ครั้งเล่า

ถ้าจะลองตั้งเป้าหมายกันไว้สักหน่อยว่า ทุกรอบปี เราจะต้องเก่งอะไรเพิ่มขึ้นสักอย่าง คำถาม คือ จะเลือกเก่งอะไรเพิ่มขึ้นดี คำตอบแม้จะแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละคน แต่ที่แน่ๆ คือควรเป็นเรื่องที่เก่งขึ้นแล้ว ชีวิตควรจะดีขึ้นบ้าง ซึ่งวันนี้ใครๆ ก็บอกว่าเทคโนโลยีใหม่ๆ จะมาแย่งการงานของคนมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นคำตอบแรก คือขึ้นปีใหม่ครั้งใด ขอให้ตัวเราเก่งเรื่องเทคโนโลยีใหม่ๆ สักเรื่องสองเรื่อง ซึ่งไม่ได้หมายถึงว่าทุกคนต้องย้อนกลับไปเรียนเอาปริญญาใบใหม่ หรือเอาประกาศนียบัตรใบใหม่ ที่ต้องสละเวลาการงาน หรือวันหยุดไปเล่าเรียน แต่หมายถึงเติมเต็มความรู้ใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่จากแหล่งความรู้ที่มีอยู่รอบตัว

คำถามต่อไป คือ จะเลือกเทคโนโลยีอะไรดี ซึ่งคำตอบคงหนีไม่พ้นบรรดาเทคโนโลยีที่ได้ยินได้ฟังกันเป็นประจำจากบรรดาผู้รู้ตัวจริงบ้าง ผู้รู้ตัวปลอมบ้าง แต่อย่าไล่ตามแฟชั่น คืออะไรดัง ฉันจะเล่าเรียนให้เก่งเรื่องนั้น ซึ่งการเก่งตามแฟชั้นนั้นไม่แน่ว่าตัวเราจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา นอกจากความรู้สึกดีๆ ว่าตัวฉันทันสมัย การเลือกเก่งตามแฟชั่นนั้น มักพบว่าเป็นความเก่งที่ไม่ลึกซึ้งจริงจัง เป็นแค่จำคำพูดของคนอื่นเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่ตื่นเต้นกันไปตามกันเท่านั้น เอามาใช้อะไรในการงานไม่ค่อยได้ มีหลายคนที่เก่งตามแฟชั่นด้วยการไปเสียเงิน เสียเวลาไปเข้าฝึกอบรม ซึ่งมักเป็นหลักสูตรที่มีคนดัง ๆมาบรรยาย ฟังแล้วก็น่าตื่นเต้นมากขึ้นกับเทคโนโลยีใหม่เหล่านั้น แต่ได้มาแค่จำคำบรรยายได้ นึกไม่ออกว่าจะเอามาใช้ในการงานได้อย่างไร 

ดังนั้น ขอให้เลือกเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่ตัวเราพอจะเห็นแล้วว่าจะมีบทบาทอย่างไรกับการงานของเรา การงานเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ ก็หาความรู้เกี่ยวกับ Big Data สักหน่อย ทำงานเกี่ยวกับเครื่องยนต์กลไก ก็เรียนรู้เกี่ยวกับ Internet of Things สักนิด ลองสละเวลาค้นดูด้วยตัวเองสักนิดว่า เรื่องต่อไปนี้ มีเรื่องใดต่อไปนี้เรื่องใดบ้างที่ใกล้การงานของเรามากที่สุด 1. Artificial Intelligence 2. Machine Learning 3. Big Data 4. Block Chain 5. Augmented Reality -Virtual Reality 6. Internet of Thing ซึ่งต้องเน้นอีกครั้งหนึ่งว่าอย่าเลือกตามแฟชัน ให้เลือกรู้ในสิ่งที่ใกล้การงานของเรามากที่สุด ใกล้จนกระทั่งตัวเราพอมองออกว่ามันจะมาเกี่ยวกับงานของเราได้อย่างไร

รู้ใหม่ต้องรู้แค่ไหนสำคัญไม่แพ้การเลือกว่าจะรู้อะไร อย่างน้อยที่สุดลงแรงเล่าเรียนแล้ว ต้องสามารถเล่าเรื่องให้คนในวงการเดียวกันเข้าใจได้ว่าเทคโนโลยีที่เรารู้มาใหม่นั้น จริงๆแล้วคืออะไรกันแน่ คนพูดถึงทั้ง 6 เรื่องกันทั้งบ้านทั้งเมือง คนใหญ่คนโตก็พูด แต่บางคนก็พูดไปผิดๆ รู้ไม่จริงเพราะไปจำคำพูดของลิ่วล้อสายเทคโนมาเต็มๆ ถ้ารู้ใหม่ เรื่องBig Data ต้องอธิบายอย่างถูกต้องให้เพื่อนร่วมงานเข้าใจได้ว่าอะไรเป็นอย่างไร ถึงกลายเป็นBig Data ไปได้ และจะช่วยการงานของเราได้อย่างไร เป็นนักขายต้องบอกได้ว่าใช้Big Dataแล้วจะขายได้มากขึ้น ขายได้ตรงกลุ่มลูกค้ามากขึ้นได้อย่างไร

วิธีการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ที่ได้ผลมากที่สุด คือเริ่มต้นจากรู้ว่าเทคโนโลยีนั้นเป็นอย่างไร ซึ่งความรู้เบื้องต้นนี้พบเห็นเยอะแยะไปหมด ทำให้การเริ่มต้นยากหน่อยในวันนี้ เพราะแยกไม่ออกว่าใครกูรู ใครกูแค่รู้บ้างนิดหน่อย แต่กูออกงานบ่อยๆ เราจึงต้องขยันเสาะหาเอาเองให้เจอตัวจริงให้ได้ เรื่องทั้งหกที่กล่าวมานั้น มีตัวจริงอยู่มากพอสมควร จุดเริ่มต้นนี้สำคัญมาก เหมือนการวางเข็มงานก่อสร้าง ถ้าเริ่มต้นดี ขั้นต่อไปก็ไม่ยากแล้ว ถ้าโชคร้ายเจอกูรู้นิดหน่อยแต่กูออกงานบ่อย ขั้นต่อไปเป็นได้แค่เรื่องไว้คุยเท่านั้น