เลือก LTF ในภาวะตลาดผันผวน

เลือก LTF ในภาวะตลาดผันผวน

ารลงทุนคงหนีไม่พ้น เรื่องการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี อย่าง LTF และ RMF

พอเข้าถึงปลายปี ในด้านการลงทุนคงหนีไม่พ้น เรื่องการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี อย่าง LTF และ RMF ซึ่งเชื่อว่า หลายคนคงยังไม่ได้ลงทุนกัน หรือลงทุนแล้วอาจยังลงกันไม่เต็มที่ ขณะที่เหล่าโบรกเกอร์ก็มีความพยายามที่จะให้นักลงทุนกระจายช่วงเวลาการลงทุนเป็นแบบ Dollar Cost Average หรือ DCA  รายเดือน เพื่อไม่ให้ต้นทุนมากระจุกอยู่ที่ปลายปี  และกระจายความเสี่ยงเรื่องต้นทุน แต่สำหรับปีนี้คนที่ซื้อปลายปีจะได้ต้นทุนที่ถูกกว่าตอนต้นปี เพราะปีนี้ตลาดลงเกือบตลอดปี จากความวุ่นวายทางการค้าโลก ,เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ตลาดผันผวน ปวดหัวตลอดปี

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่ยังต้องลงทุน LTF  และ RMF ก็ยังคงต้องลงทุนอยู่พอเข้าถึงปลายปี ในด้านการลงทุนคงหนีไม่พ้น เรื่องการลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษี อย่าง LTF และ RMF ซึ่งเชื่อว่า หลายคนคงยังไม่ได้ลงทุนกัน หรือลงทุนแล้วอาจยังลงกันไม่เต็มที่ ขณะที่เหล่าโบรกเกอร์ก็มีความพยายามที่จะให้นักลงทุนกระจายช่วงเวลาการลงทุนเป็นแบบ Dollar Cost Average หรือ DCA  รายเดือน เพื่อไม่ให้ต้นทุนมากระจุกอยู่ที่ปลายปี  และกระจายความเสี่ยงเรื่องต้นทุน แต่สำหรับปีนี้คนที่ซื้อปลายปีจะได้ต้นทุนที่ถูกกว่าตอนต้นปี เพราะปีนี้ตลาดลงเกือบตลอดปี จากความวุ่นวายทางการค้าโลก ,เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้ตลาดผันผวน ปวดหัวตลอดปี

แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับท่านที่ยังต้องลงทุน LTF  และ RMF ก็ยังคงต้องลงทุนอยู่ LTF ปี 2562 น่าจะเป็นปีสุดท้าย (ถ้าไม่มีการต่ออายุหรือมีกองอื่นๆมาแทน) หลายคนกังวลจะไม่มีตัวช่วยพยุงตลาด เม็ดเงินตรงนี้จะหายไป ปีหนึ่งก็ร่วมๆ สามหมื่นล้านได้ อีกทั้งจะมีเงิน LTF ที่ครบรอไถ่ถอนอีก เชื่อว่า เรื่องนี้กระทบแต่คงไม่มากนัก ทั้งนี้หุ้นจะขึ้นจะลงไม่ได้อยู่ที่เม็ดเงินซื้อขายอย่างเดียว ขึ้นอยู่กับพื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนด้วย ซึ่งน่าจะมีผลมากกว่า ถ้าผลประกอบการบริษัทยังดีอยู่

อย่างไรก็จะมีเม็ดเงินมาลงทุนต่ออยู่ดี แล้วเงิน LTF ที่ครบกำหนดคงไม่ได้มาขายตูมเดียว คงจะเป็นการทยอยไถ่ถอน และเชื่อว่าหลายคนถือครบแล้ว ก็มีไม่น้อยที่ถือต่อไปเรื่อยๆ เพราะได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ   แต่สำหรับท่านที่ลงทุนใน LTF ซึ่งเป็นกองทุนหุ้น เริ่มกังวลเอาอย่างไรดี อยากให้ท่านมองว่า เงิน LTF ที่เราลงทุนระยะยาว แน่นอนระยะสั้นอาจมีความผันผวน แต่เท่าที่ทำสถิติมา การลงทุนในหุ้น เกินกว่า 5 ปีขึ้นไป (เงื่อนไข LTF ต้องถือนาน 7 ปีปฏิทิน) โอกาสขาดทุนนั้น 'น้อยมาก' และเฉลี่ยได้ผลตอบแทนค่อนข้างดี 7-8% ต่อปี เพราะฉะนั้น อย่าพลาด อย่าขาด อย่าลืมการลงทุน LTF 

ส่วนปี 2561 และ 2562 ถ้ามองว่า ตลาดผันผวน ซึ่งก็เป็นอย่างนี้ทุกปีอยู่แล้ว ลองหากองทุน LTF ที่ลงทุนในหุ้นที่มีผันผวนต่ำ หรือที่เราเรียกว่า Low Volatility แล้ว Low Volatility คืออะไร ?  กองทุนประเภทนี้เป็นกองทุนหุ้นที่จะคัดหุ้นที่มีความผันผวน ราคาที่ต่ำกว่าตลาด เพื่อลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม ส่วนใหญ่มีหลักการเลือกหุ้นเข้าพอร์ต โดยจะเน้นลงทุนใน 

หุ้นที่มีความผันผวนเมื่อเทียบกับตลาดต่ำ  หรือทางทฤษฎีเรียกว่า LOW BETA  คือ ใช้ค่าสถิติ เอาราคาหุ้นตัวนั้นๆ เทียบกับการเคลื่อนไหวของดัชนีเวลาตลาดลงหุ้นกลุ่ม Low beta มักจะลงต่ำกว่าตลาด 

หุ้นทีมีความเสี่ยงผันผวนที่วัดโดยส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐานต่ำ เอาง่ายๆว่า เป็นหุ้นที่เหวี่ยง ผันผวนต่ำ ค่อยๆ ขึ้นค่อยๆลง 

หุ้นที่มีแนวโน้มการจ่ายปันผลสูงและโตต่อเนื่อง 

โดยรวมแล้ว หุ้นที่อยู่ในกลุ่ม Low Volatility มักจะเป็นหุ้นที่มีความเสี่ยงทางธุรกิจที่ค่อนข้างต่ำ มีรายได้ค่อนข้างมั่นคง มีขนาดธุรกิจที่ค่อนข้างใหญ่ กระแสเงินสดดี และมีแนวโน้มที่จะสามารถปันผลเพิ่มขี้นได้ ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นหุ้นที่แข็งแกร่งหน่อย ช่วงตลาดกระทิงขาขึ้น หุ้นหรือกองทุนประเภทนี้ก็ขึ้นได้ แต่อาจไม่หวือหวามากนัก  ส่วนช่วงขาลงจะประคองตัวได้ อาจไม่ลงแรงเท่าตลาด ซึ่งเกิดจากมี เงินปันผลคอยค้ำอยู่ และหุ้นกลุ่มพวกนี้ มักจะมีค่า PE ที่ไม่สูงมากนัก คือ มูลค่าไม่ได้แพงมากเมื่อเทียบกับตลาด เวลาตลาดลง ก็จะลงกับเขาไม่มากนัก   

ในตลาด LTF เองก็เริ่มมี กองทุนที่บริหารจัดการลักษณะนี้มากขึ้น เช่น LH Strategy LTF ของบลจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ และ กองทุน  PHATRA SMART MINIMUM VOLATILITY FUND ของบลจ.ภัทร เป็นต้น ซึ่งพวกนี้เป็นกองทุนที่คัดหุ้นผันผวนต่ำเข้าพอร์ต แต่อย่างไรการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรค้นหาศึกษาข้อมูลการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อให้ได้การลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน และได้ลดหย่อนภาษีอีกด้วยครับ