ประเทศเรามี จึงมีเรา

ประเทศเรามี จึงมีเรา

หากจำกันได้ เพลงประเทศ.. (เรา) มีแล้ว ทั้งอรรถรสเนื้อหาเพลง ที่อาจถูกใจขัดใจหรือไม่นั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วบทเพลงหรือละครก็ดี

ถือเป็นประกฎการณ์สะท้อนสังคมในยุคสมัยนั้นๆ 

หากแต่จะวิเคราะห์ประเด็น ความมี ขจัดสิ่งไม่มีเพื่อรักษาสิ่งที่มีให้ยั่งยืน เมื่อกล่าวถึงประเทศ หมายรวมถึงทุกคนในรอบรั้วเขตแดนโดยไม่จำกัดชาติพันธุ์สีผิว ประเทศจึงเป็นของเรา ความเป็นเราได้เกิดมีมาแต่กำเนิด โดยมี DNA ความเป็นไทยอยู่อย่างยั่งยืนชั่วชีวิต และด้วยความหลากหลายชาติพันธุ์ จึงกินพื้นที่ความเป็นเขารวมเข้าด้วย เราและเขา มีช่องว่าง ทางคติความเชื่อ จารีต ภาษาถิ่น เป็นต้นแบบหลวมๆ แทรก ทำนองเดียวกันความเป็นประเทศหมายรวมถึง จิตสำนึกความเป็นพลเมืองเข้าไปด้วย ในฐานะเป็นตัวยึดโยงหล่อมสู่ความเป็นประเทศระหว่างชาติพันธุ์ต่างๆ เหล่านั้นภายใต้อธิปไตยเดียวกัน ประเทศเรามี จึงมีเรา จึงเป็นชุดสำนึกร่วมที่ผ่านกระบวนการก่อร่างสร้างสมด้วยสติปัญญาเท่าที่คนในประเทศจะพึงมี 

ขณะเดียวกันนั้น แม้มีภูมิแผ่นดินแต่หากขาดจิตสำนึกร่วมความเป็นประเทศเป็นดังไม่มีตัวตน ประเทศเรามี จึงหมายถึงจิตสำนึกในความเป็นชาติ โดยคนในชาติร่วมกันพัฒนานำพาประเทศออกจากเขตแดนที่เป็นปัญหา ความทุกข์ วิกฤติที่เป็นอยู่ เราต้องตระหนักว่า สิ่งใดอันเป็นจุดแข็งกล่าวคือประเทศเรามี ่เช่น การท่องเที่ยว การส่งออกในฐานะเป็นประเทศที่มีแหล่งผลิตต้นทุนต่ำ วัฒนธรรมที่ยึดหยุ่น การเป็นศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมบริการ เป็นครัวของโลก การมีอุณหภูมิที่ธรรมชาติให้มาน่าพักผ่อน แม้ธรรมชาติและอุณหภูมิเป็นสมบัติส่วนกลางของชนชาติอาเซียนก็ตาม

 เราต้องตระหนักว่าในทศวรรษหน้ากระแสโลกตีกลับจากยุโรป อเมริกามายังเอเชีย จุดพิกัดดอยู่ที่ชาติอาเซียน กลุ่มประเทศเศรษฐกิจใหม่ ที่กำลังฟื้นตัวจากพิษภัยทางการเมืองภายใน กลุ่มประเทศเหล่านี้ล้วนมีสิ่งที่มีใกล้เคียงกับเรา พร้อมเป็นจุดแข็งเชิงแข็งขัน หากเราไม่รักษาสิ่งที่เรามีอยู่ให้พัฒนามีความยั่งยืน ความเป็นมือใครยาวสาวได้สาวเอาย่อมยื่นเข้ายังชาติชาติอาเซียน นั่นหมายว่าชาติอาเซียนพร้อมหันไปรับมือที่ยื่นจากจาก จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ทั้งหมดเราต้องทำสิ่งที่เรามี เคยมี คือการมีระบบการเมืองที่มีความเสถียรภาพที่เอื้อต่อการขับเคลื่อนประเทศ พร้อมรองรับระบบการค้าเสรีที่ขับเคลื่อนในทุกมุมของโลก 

ในขณะเดียวกันเราต้องกล้าที่จะสงวนความเป็นไทยที่คนส่วนมากพึ่งพาและมีชีวิตอยู่นั่น คือความเป็นเกษตรในตัว การนำพาประเทศออกจากเขตแดนที่เป็นปัญหานี้ ย่อมขึ้นกับคุณภาพของสติปัญญาของคนที่อยู่ในพื้นแผ่นดินนั้นๆ มาจัดการให้เกิดประโยชน์ มีวิธีการรักษาสิ่งที่มี และจะตระหนักในวัฒนธรรม ท้ายที่สุดรูปแบบปกครอง เพื่อให้ประเทศชาติอยู่รอดอย่างยั่งยืน ด้วยเหตุผลนี้  หากขาดปัญญา จิตสำนึกร่วมในความเป็นประเทศชาติแล้ว ก็ยากอย่างยิ่งที่จะจัดการสิ่งที่มี (ทรัพยากร) ของแผ่นดินให้เกิดประโยชน์ได้ ภูมิปัญญาเป็นเครื่องมือพัฒนาประเทศผ่านองคาพยพต่าง ๆ กล่าวคือ 

1) ทางกฏหมาย หลักศาสนา รูปแบบการปกครอง ซึ่งมีสถานะเป็นเครื่องมือของการบ้าน ซึ่งชาวบ้านต้องอาศัยเมือง เมืองอาศัยบ้าน ด้วยอาศัยปัจจัยเชิงสัมพันธ์กันจึงเป็นการบ้านการเมืองที่ทุกคนควรรับรู้ พร้อมทั้งมีส่วนร่วมออกแบบเพื่อบ้านเมืองของทุกคน เพื่อจะได้เครื่องมือที่มีความสมดุลย์สานประโยชน์ในทุกกลุ่มคน รายล้อมด้วยความหลากหลายด้วยชาติพันธุ์ ซึ่งนำไปสู่การจัดการให้ความเป็นประเทศชาติเป็นปกติ 2) การศึกษา เพื่อค้นหาสติปัญญา และ 3) กิจการไถ่หว่าน (เศรษฐกิจ) ทั้งหมดล้วนเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่เกิดจากการอยู่รวมกัน จึงมีเรา จึงหมายถึงจิตสำนึกในความเป็นชาติ โดยคนในชาติมีกระบวนการเพื่อให้ชาติคงมีอยู่ 

ในสถานการณ์ปัจจุบันประเทศเรา สิ่งที่มีอยู่โดยเหตุผลเชิงประจักษ์ แม้ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันได้ว่า ไทยเรามีอะไร เราจะรักประเทศต้องยอมรับความจริง ไม่จินตนาการ นั่นคือความจริง หากจะวิเคราะห์จากปรัชญาอัตถิภาวะโดยแนวคิดว่า สภาวะที่อยู่ สิ่งที่มีอยู่ คือชาติ หรือมนุษย์สภาพความเป็นมนุษย์ เสรีภาพเป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ มนุษย์เป็นผู้กำหนดชะตาชีวิต ชีวิตจะมีความหมายเช่นไร อยู่ที่การตัดสินใจหรือการตั้งกฎเกณฑ์ของมนุษย์เอง ไม่มีสิ่งใดไม่ว่าจะเป็นภายในตัวหรือนอกตัวมนุษย์ที่จะปั้นมนุษย์ได้ มนุษย์จะต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเอง สังคม จากหลักคิดนี้ ประเทศเรามี จึงมีเรา จึงอยู่ที่เรามีจิตสำนึกเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ย่อมมีสาระมากกว่า มีเราอยู่ในประเทศแต่ขาดจิตสำนึกเพื่อประเทศชาติ    

 โดย... 

ผศ.ดร.ชมพู โกติรัมย์

วิทยาลัยดุสิตธานี