Earning Yield Gap

Earning Yield Gap

FINNOPEDIA ตั้งใจที่จะทำหน้าที่เป็นเหมือนดิกชันนารี หรือ Encyclopedia สำหรับนักลงทุน

โดยจะเป็นการเล่าถึงความหมายของ Indicators คือปัจจัย หรือตัวชี้วัดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ, Market Indicators ไปจนถึงอัตราส่วนทางการเงิน และปัจจัยเทคนิคที่มีผลต่อราคาสินทรัพย์ และผลตอบแทนการลงทุน โดยวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับEarning Yield Gap กันครับ

Earning Yield Gap (EYG)

Earning Yield Gap คือ ส่วนต่างระหว่าง Earning Yield ของตลาดหุ้น เทียบกับ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว (Government Bond Yield) ซึ่งมักจะใช้พันธบัตรอายุ 10 ปี

Earning Yield Gap เป็นปัจจัยหนึ่งที่สามารถใช้ในการกำหนดจังหวะเวลาในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นได้ดี โดยในเวลาที่ Earning Yield Gap สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต คือเวลาที่ตลาดหุ้นมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับดอกเบี้ย คือจังหวะที่น่าสนใจในการเข้าลงทุน

ในทางกลับกันเมื่อใดที่ Earning Yield Gap อยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาก ๆ นั่นหมายถึง Earning Yield ของตลาดหุ้นอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับดอกเบี้ย ก็มักจะตามมาด้วยการปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นในระยะเวลาถัดไป

Earning Yield

Earning Yield ที่นำมาใช้ในการคำนวณ Earning Yield Gap นั้นจริง ๆ แล้วก็คือส่วนกลับของอัตราส่วน P/E Ratio นั่นเอง

กล่าวคือ Earning Yield = E / P

ยกตัวอย่างเช่นถ้าเราดู P/E ของตลาดหุ้นโดยใช้ Earning ย้อนหลัง 4 ไตรมาส (Trailing P/E) อยู่ที่ 15 เท่า

Earning Yield จะเท่ากับ 1 / 15 = 6.67%

วิธีการแปลความหมาย P/E คือ ถ้าสมมติว่า Earning (กำไร) ไม่เปลี่ยนแปลง จากราคาหุ้นที่ผู้ถือหุ้นจ่ายในปัจจุบันจะคืนทุนใน 15 ปี หรือคิดเป็น Earning Yield = 6.67%

ลองเอามาเปรียบเทียบกับ Dividend Yield (อัตราเงินปันผล) ที่เราคุ้นเคยกัน เช่น ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมีอัตราเงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 3% แปลว่าถ้าราคาหุ้นอยู่กับที่ และการปันผลคงที่ เราจะได้เงินต้นคืนในระยะเวลา 100 / 3 = 33.33 ปีนั่นเอง

Earning Yield Gap

รูป Earning Yield Gap ตลาดหุ้นไทย ณ พฤศจิกายน 2018 | ที่มา Bisnews


จากข้อมูลในอดีตของตลาดหุ้นไทยระหว่างปี ค.ศ. 2009 – 2018 พบว่าเมื่อใดที่ระดับ Earning Yield Gap เพิ่มขึ้นมาที่ใกล้ระดับ 4% มักจะตามมาด้วยการเพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นในระยะ 6 – 12 เดือนหลังจากนั้น

ในทางกลับกันเมื่อไรก็ตามหาก Earning Yield ปรับตัวลงมาใกล้ระดับ 1% ก็ถือเป็นสัญญาณอันตรายของตลาดหุ้นไทยเช่นกัน

โดยสรุป Earning Yield Gap เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ใช้ในการคาดการณ์ทิศทางของดัชนีตลาดหุ้นในอนาคตได้ดีพอสมควร อย่างไรก็ตาม ปัจจัยการลงทุนไม่ได้มีปัจจัยเดียว และก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไปในแต่ละช่วงเวลา นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จคือนักลงทุนที่หมั่นเพิ่มเติมความรู้ในปัจจัยการลงทุนชนิดต่าง ๆ ทั้งทางพื้นฐาน และปัจจัยทางเทคนิค และสร้างเป็นระบบการตัดสินใจการลงทุนที่ดีที่จะนำไปสู่ผลตอบแทนที่ยอดเยี่ยมในระยะยาว

FundTalk รายงาน