ความเฉยโง่ .. ภัยเงียบ !!

ความเฉยโง่ .. ภัยเงียบ !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา ห้วงเวลาที่ผ่านมามีศาสนกิจที่รับนิมนต์หลายแห่ง ดังในวันเดียวกัน...

เช้าที่เชียงใหม่ ตอนเย็นต้องมาทำหน้าที่องค์บรรยายธรรม นำสวดมนต์ภาวนา เนื่องในงานวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๑ ณ พระราชวังสนามจันทร์ โดยมี นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมมาร่วมสวดมนต์ปฏิบัติธรรม พร้อมส่วนราชการและภาคประชาชน โดยเฉพาะคณะศิษย์ศรัทธาที่เป็นตัวแทนมาร่วมงาน เพื่อจะได้น้อมถวายพระราชกุศลแด่รัชกาลที่ ๖ และรัชกาลปัจจุบัน แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์

แม้ว่าการจัดงานดังกล่าวจะดูเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยคุณค่าทางจิตวิญญาณ ทั้งในฐานะพสกนิกรชาวไทยและความเป็นพุทธศาสนิกชน ความสำคัญจึงอยู่ที่การประกอบศาสนกิจ อย่างมีศาสนธรรมที่เหมาะควรกับเจตนาแห่งการจัดงาน เพื่อความสำเร็จในจุดประสงค์ ซึ่งนับว่าการจัดงานวันสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า ในชื่อ วชิรธรรมบูชา .. ครั้งที่ ๑ ที่มีวิทยาลัยนานาชาติ ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นแกนหลักในฐานะเจ้าภาพจัดงาน ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง ทั้งนี้ เพราะวิสัยทัศน์และความเป็นสัมมาทิฏฐิของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมอย่างแท้จริง...

เมื่อย้อนกลับไปดูเบื้องหลังการจัดงานในแต่ละครั้ง ก็ให้นึกสงสารบุคคลที่ปิดทองหลังพระ คือ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จที่ต้องต่อสู้กับอุปสรรคปัญหานานาประการ เพื่อขับเคลื่อนงานบุญกุศลที่สำคัญๆ ไปสู่เป้าหมาย

แต่ในความสงสารนั้น คงจะต้องยกระดับเป็นการสนับสนุนเสริมสร้างกำลังใจและให้ข้อชี้นำอย่างถูกต้องตรงธรรม หรือลงมือช่วยจัดการเมื่อเห็นว่าตัวปัญหานั้นมันใหญ่กว่ากำลังของตัวบุคคลที่พึงจะแก้ไขได้ แต่เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ความจริงในการปฏิบัติธรรมภาคสนาม ทุกปัญหาจึงควรเป็นตัวตั้งให้ผู้ปฏิบัติงานได้เรียนรู้โดยตรง ไม่ควรลงไปช่วยเสียทุกเรื่องจนเหมือนกับว่า ไม่มีปัญหาอะไรเลยในภาคความจริงของคนทำงาน

ในพระพุทธศาสนามีหลักธรรมอยู่บทหนึ่งที่น่าสนใจพิจารณาในคำสั่งสอนที่ว่า...

ถ้าต้องการสิ่งที่ได้โดยยาก ...จะต้องกล้าหาญทำสิ่งที่ยาก ...จะต้องอดทนต่อสิ่งที่อดทนได้ยาก ...จะต้องสละ สิ่งที่สละได้ยาก ...จะต้องเอาชนะ สิ่งที่เอาชนะได้ยาก ... เพื่อจะได้สิ่งที่ได้โดยยาก (ทุลฺลภํ ลภติ) ...นี่เป็นสัจธรรม

สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การกระทำด้วยความดีอย่างยุติธรรม ไม่ใช่ใช้วิถีโจรหรือคนพาล กล้าหาญหรืออดทน ด้วยจิตใจที่ไร้คุณธรรม เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ

เรื่องนี้น่าสนใจอย่างยิ่ง ดังเรื่องราวทางการเมืองของบุคคลหลายคน ที่มีภาวะอดทนสูงยิ่งต่อการคิดคืนกลับมามีอำนาจวาสนาปกครองบ้านเมือง ตามวิถีระบบประชาธิปไตยแบบไทยๆ ... การรอคอยที่เปี่ยมไปด้วยความต้องการดังกล่าว เพื่อการก้าวไปสู่ความสำเร็จ หวังให้ได้มาในสิ่งที่ต้องการ นับว่าไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน... แต่มันน่าคิดตรงที่เจตนาว่า เพื่ออะไร !? ...หรือต้องการอะไรในการรอคอยอย่างอดทนนั้น... ที่สำคัญรอคอยเพื่อทำความดีหรือไม่ดี... แม้กล่าวอ้างว่าทำความดี แต่ในการทำความดีนั้น มีความยุติธรรมหรือไม่... ความยุติธรรมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในการประกันการทำความดี .. เพื่อสังคม ประเทศชาติ และตนเอง

ดังคำสั่งสอนให้ทำความดีอย่างมีพรหมวิหารธรรม ซึ่งนอกจากจะมีเมตตา กรุณา มุทิตา แล้วนั้น.. สิ่งที่สำคัญคือใจที่เป็นกลาง เพื่อให้ความยุติธรรมทั้งในเหตุสุดวิสัย .. การเว้นอคติธรรม .. การวางจิตไม่หวั่นไหวต่อกระแสขึ้นลงของชีวิต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการทำความดีที่มีความยุติธรรม ไม่ตกหล่นไปจากการทำความดีที่มีธรรม

แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ การระวังอย่าให้เกิดการยึดหลักยุติธรรมบังคับใช้อย่างไม่เข้าใจธรรม .. ด้วยการไม่เข้าใจธรรมชาติของชีวิต ดังที่มีบุคคลกล่าวอ้างความยุติธรรมด้วยการวางเฉย .. แบบเฉยโง่ๆ จนคนดี สังคม ประเทศชาติ .. ต้องพบภัยพินาศ ..ด้วยพลังความเฉยโง่ของหมู่ชนที่กล่าวอ้างความเป็นกลางอย่างไม่รู้จักประโยชน์และความเหมาะควร.... เอวัง

เจริญพร