จีนเมินเที่ยวไทย เสียหาย 51,365 ล้านบาท

จีนเมินเที่ยวไทย เสียหาย 51,365 ล้านบาท

ที่นักท่องเที่ยวจีนหดหายไปในทุกวันนี้ก็เพราะเขาไม่พอใจไทยกรณีเรือจมที่ภูเก็ต ผมพาคณะไปดูงานอสังหาริมทรัพย์ที่พัทยาเมื่อสัปดาห์ก่อน ปรากฏว่า

นักท่องเที่ยวจีนหดหายไปจากโรงแรมที่เคยพักเกือบเต็ม เหลือ 20% แต่บางคนก็บอกว่านักท่องเที่ยวช่วงนี้ลดในทุกประเทศ จีนกำลัง "รัดเข็มขัด" ความจริงเป็นยังไงกันแน่ มาดูกัน

หลายท่านยังคงจำได้ว่าคณะนักท่องเที่ยวจีนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยเรือ “ฟีนิกซ์ พีซีไดวิ่ง” อับปางในทะเลอันดามัน จ.ภูเก็ต ระหว่างเกาะเฮกับชายฝั่ง ทั้งนี้ตัวเลขผู้โดยสารเรือมรณะมี 89 ราย เสียชีวิต 47 ศพ รอดตาย 42คน (https://bit.ly/2DNg97J) จากเหตุการณ์นี้ปรากฏว่าจีนไม่พอใจมาก และนักท่องเที่ยวจีนก็ลดลงต่อเนื่องแต่นั้นมา

ในระหว่างวันที่ 16-17 พ.ย.2561 ผมพาคณะนักอสังหาริมทรัพย์ไปดูงานการพัฒนาอีอีซีในภาคตะวันออกโดยเฉพาะฉะเชิงเทราและชลบุรี ได้ทราบจากผู้เกี่ยวข้อง เช่น นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทบริหารการขายอสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ผู้จัดการโรงแรม แท็กซี่สนามบิน และอื่นๆ  บอกว่า ขณะนี้พัทยากำลังอยู่ในภาวะแย่อย่างมากมาย เพราะนักท่องเที่ยวจีนแทบไม่ได้มาเลย นักท่องเที่ยวอื่นก็น้อยตามปกติอยู่แล้ว

ในขณะนี้โรงแรมที่เปิดให้นักท่องเที่ยวจีนที่มาเป็นหมู่คณะพัก มีอัตราการเข้าพักเพียง 20% ลดจากเดิมประมาณ 80%-90% ทั้งนี้เพราะจีนยังคงโกรธอยู่ แพ็กเกจท่องเที่ยวไทยถูกตัดออก พวกเขาหันไปท่องเที่ยวยังประเทศอื่นแทน นักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยลดลงเป็นอย่างชัดเจน ในขณะที่ประเทศอื่นโดยรอบได้อานิสงส์จากการ "เบนเข็ม" ไปจากประเทศไทยในช่วงนี้ กระทั่ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ต้องออกไปเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจีนกลับมาผ่านเว็บไซต์อาลีบาบา เมื่อวันที่ 9 พ.ย. (https://bit.ly/2zpimmq) แสดงว่าท่านรองนายกฯ พยายามเต็มที่ หลังจากนักท่องเที่ยวจีนยังเมินประเทศไทยมา 4 เดือนแล้ว

จีนเมินเที่ยวไทย เสียหาย 51,365 ล้านบาท

จากตัวเลขข้างต้นปรากฏว่านักท่องเที่ยวลดลงไปชัดเจนคือ -12% -15% และ -20% ในช่วงเดือน ส.ค. – ต.ค. 2561  แต่ในความเป็นจริง ผู้ประกอบการในพื้นที่พัทยาและเมืองท่องเที่ยวอื่นซึ่งปกติมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางไปท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ต่างโอดโอยว่าจำนวนคนเข้าพักในโรงแรมลดต่ำลงเกินกว่าครึ่งต่อครึ่งกันทั้งนั้น

 จากสถิติ 3 เดือน ( ส.ค. – ต.ค.) จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง -12%-15% -20% หรือลดลงกว่าปีที่แล้ว 388,559 คน หากอนุมานเดือนพฤศจิกายน ณ อัตราเดียวกันก็เท่ากับนักท่องเที่ยวจีนหายไป 518,079 คน ในช่วงเดือน ส.ค. – พ.ย. 2561 อันที่จริงจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะเพิ่มขึ้นเดือนละ 15% โดยเฉลี่ย มากกว่าจะลดลง ดังนั้นก็เท่ากับจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงดังกล่าว หายไปราว 1,028,044 คน

เมื่อปีที่แล้ว (2560) นักท่องเที่ยวจีนเข้ามา 9,846,818 คน สร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ520,722.39 ล้านบาท (https://bit.ly/2PzdzZX) ถ้านักท่องเที่ยวในช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน 2561 หายไป 1,028,044 คน ก็เท่ากับทำเงินหล่นหายไปประมาณ 51,365 ล้านบาท  เงินจำนวนนี้มีค่าสูงถึงประมาณ 2% ของงบประมาณแผ่นดินไทยที่ 3 ล้านล้านบาท

อย่างไรก็ตาม อาจมีบางท่านบอกว่านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาน้อยก็เพราะตอนนี้กำลังทำสงครามเศรษฐกิจกับสหรัฐอยู่ คนจีนต้อง "รัดเข็มขัด" ไม่ค่อยไปเที่ยวไหนแล้ว  แต่นี่ไม่ใช่ความจริง จากสถิติของประเทศฟิลิปปินส์ มาเลเซียและสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่นำเสนอสถิติได้ว่องไวกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน พบว่า นักท่องเที่ยวจีนไปเที่ยวประเทศเหล่านี้ไม่ขาดสาย ที่สำคัญเพิ่มขึ้นมหาศาลด้วยโดยเฉพาะฟิลิปปินส์และมาเลเซีย  ยิ่งประเทศเหล่านี้พัฒนาการท่องเที่ยวมาก ก็ยิ่งทำให้อสังหาริมทรัพย์ในต่างแดนเหล่านี้เติบโตมากยิ่งขึ้นไปอีก

นี่อาจเป็นบทเรียนของไทยเรา ที่อยู่ดีๆ เม็ดเงินก็หายไปถึงราว 51,365 ล้านบาท  นี่ยังไม่นับรวมผลพวงทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากอาการขาดเงินของประชาชน จนทำให้เกิดอาชญากรรมเพิ่ม หรืออาจทำให้ถึงขั้นฆ่าตัวตาย บ้านแตกสาแหรกขาดอีกต่างหาก  บ้านเรากำลังจะเติบโตตามคำของท่านรองนายกฯ ดร.สมคิด แต่พอเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็ทำให้เกิดความเสียหายขึ้น

มาพัฒนาการท่องเที่ยวไทยขึ้นมาใหม่ เพื่อแผ่นดินไทยอยู่รอด