เยือนนครพิพิธภัณฑ์ศาสนา .. เมืองเซี่ยเหมิน/จีน !!

 เยือนนครพิพิธภัณฑ์ศาสนา .. เมืองเซี่ยเหมิน/จีน !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา เราชาวพุทธมักจะได้ยินได้ฟังคำว่า สั่งสมบารมี หรือ บาเพ็ญบารมี กันบ่อยๆ

โดยบางครั้งก็ยังไม่รู้ชัดเจนว่า หน้าตาบารมีเป็นอย่างไร อะไรคือบารมีในพระพุทธศาสนา แต่เราเข้าใจโดยความรู้สึกว่า บารมี คือ การทำความดี สั่งสมคุณความดีที่เป็นบุญกุศล ซึ่งมิได้ผิดไปจากความหมาย เราจึงใช้คำว่า สั่งสมบารมี สื่อแทนคุณลักษณะการทำความดีที่ต่อเนื่อง


ดังที่ได้เรียนรู้ว่า เจ้าชายสิทธัตถะกว่าจะได้ออกบวชและบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณนั้น ต้องสั่งสมบารมีมาอย่างต่อเนื่องในทสบารมี ที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พุทธการณธรรม 10 ประการ มี ทาน ศีล เนกขัมมะหรือการออกบวช เป็นต้น

ด้วยความมั่นคงแน่วแน่ไม่แปรเปลี่ยนในจิตใจของพระองค์ จึงได้สละราชสมบัติ ละออกจากความเกี่ยวข้องตามประสาชาวโลก ด้วยการสละบุตร ภรรยา ตลอดจนความสุขสำราญในพระราชวังที่ควรยินดีในฐานะของกษัตริย์ มุ่งสู่การออกมหาภิเนษกรมณ์บรรพชา เพื่อเข้าถึงฐานะบรรพชิต อันควรแก่การเพียรศึกษาปฏิบัติ เพื่อแสวงหาโมกขธรรม และด้วยพระปัญญา พระขันติ พระวิริยะ เป็นต้น จึงได้ทรงเจริญวิปัสสนาญาณ ตรัสรู้แจ้งในอริยสัจ 4 ประการ ด้วยการค้นคว้าศึกษาจาก กาย จิต หรือชีวิตของพระองค์ ที่จำแนกประชุมลงเป็นรูปนามหรือขันธ์ 5 ที่พิจารณาเป็นเพียงแค่สภาวธรรมที่เป็นเหตุเป็นผลอาศัยกันและกันเกิดขึ้น ค้นหาสาระแท้จริง เพื่อยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนมิได้เลย จึงตกผลึกความรู้แจ้งรวมลงที่อนัตตา ดังที่ทรงแสดงธรรมตรัสรู้ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา !

เมื่อ 15-22 พฤศจิกายน 2561 อาตมารับนิมนต์จากกงสุลใหญ่ นครเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อไปแสดงธรรมให้กับชุมชนชาวไทยและจีนในนครเซี่ยเหมิน ได้รับฟัง นำสู่การอบรมภาวนา โดยจัดขึ้นที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ที่มี คุณกานติมน รักษาเกียรติ ทำหน้าที่กงสุลใหญ่ในปัจจุบัน

นอกจากไปแสดงธรรมแล้วนั้น ยังได้ไปเยี่ยมเยียนองค์กรพุทธศาสนามหายานในนคร เซี่ยเหมินอย่างเป็นทางการ จะเรียกว่าเป็นรูปแบบศาสนทูตก็พอจะพูดได้ ด้วยการเดินงานสานความสัมพันธ์ของสถานกงสุลใหญ่ ภายใต้การรับทราบของสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงปักกิ่ง ดังที่มีการเผยแพร่ข่าวสารดังกล่าวใน website ของกระทรวงการต่างประเทศและสถานกงสุลใหญ่ นครเซี่ยเหมินในบางตอนว่า “พระอาจารย์อารยวังโสได้เดินทางไปทัศนธรรม ณ วัดเส้าหลินใต้และวัดไคหยวน เมืองเฉวียนโจว รวมทั้งวัดหนานผู่ถั๋ว เมืองเซี่ยเหมิน โดยได้พบปะหารือกับเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินใต้และเจ้าอาวาสวัดหนานผู่ถั๋ว ได้แลกเปลี่ยนสนทนาธรรมกับเจ้าอาวาสทั้งสองวัด โดยมีการปรารภธรรมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ด้านพุทธศาสนาระหว่างไทยและจีน ซึ่งเป็นหนึ่งกลไกในการกระชับความใกล้ชิดระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบ้านเมืองของชาวจีนในมณฑลฮกเกี้ยนจะเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะนครเซี่ยเหมิน แต่การอนุรักษ์จิตวิญญาณความเป็นชาวจีนฮกเกี้ยนยังมีอยู่ครบสมบูรณ์ ด้วยน้ำใสใจคอที่โอบอ้อมอารี มีไมตรีจิตต่อผู้อื่น จึงให้ความรู้สึกที่ดีมาก เมื่อมาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งนี้ เมื่อบวกกับการจัดแปลนบ้านเมืองที่เรียบร้อย สะอาด สวยงาม มีพื้นที่พักผ่อน ถนนหนทางน่าเดินออกกำลัง ความเคารพในกฎหมาย ใช้ยวดยานอย่างมีวินัย และไม่พลุกพล่านด้วยผู้คนมากเกินไป จึงทำให้เสริมสร้างความรู้สึกทางจิตวิญญาณอย่างดียิ่ง ต่อการใช้ชีวิตในฐานะบรรพชิตอยู่ ณ นครเซี่ยเหมิน แม้เพียง 4-5 วัน สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเปิดกว้างในเสรีภาพทางศาสนาในมณฑลแห่งนี้ ซึ่งแม้ชาวจีนส่วนใหญ่จะมีศรัทธาในพุทธศาสนามหายาน แต่มิได้ปิดกั้นการนับถือศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์

จึงได้เห็นการใช้ชีวิตของพี่น้องชาวจีนในนครเซี่ยเหมิน แม้จะต่างศาสนากัน อย่างปกติสุข นครเซี่ยเหมิน จึงได้รับการกล่าวขานยกย่องว่าเป็น “นครพิพิธภัณฑ์แห่งศาสนา” ที่สืบเนื่องมาจากอดีตถึงปัจจุบัน อันยังปรากฏให้เห็น
เจริญพร