Agility สิ่งที่ต้องมีใน “องค์กรแห่งอนาคต”

Agility สิ่งที่ต้องมีใน “องค์กรแห่งอนาคต”

“ทำไมเราต้องทำงานแบบ Agile กันด้วยคะ?”

พนักงานคนหนึ่งถามขึ้นเมื่อเห็นพวกเรานำวิธีการทำงานแบบ Agile มาทดลองใช้ใน HR ดิฉันจึงตอบไปว่า การจะดำเนินธุรกิจในโลกแห่งอนาคต Agility ในองค์กรเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งเพราะการเปลี่ยนแปลงภายนอกที่คาดเดาได้ยากนั้นเกิดขึ้นตลอดเวลา องค์กรจึงต้องมีความว่องไวในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงนั้นๆ เพื่อให้ดำเนินธุรกิจต่อไปได้โดยไม่สูญเสีย momentum เหมือนนักฟุตบอลระดับโลกที่มีประสาทสัมผัสที่ว่องไว สามารถรับรู้ทุกการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเกมการเล่น ไม่ว่าจะเป็น ทิศทางของลูกบอลหรือการจู่โจมของคู่ต่อสู้ สามารถเลี้ยงบอลซิกแซกหลบหลีกคู่ต่อสู้ และปรับวิธีการเล่นเพื่อตอบสนองต่อเกมที่พลิกผันได้อย่างทันท่วงที องค์กรธุรกิจก็เหมือนทีมฟุตบอล การจะคว้าชัยชนะได้ ผู้เล่นทุกคนต้องมีความปราดเปรียวและมีฟอร์มการเล่นที่เข้าขากันได้อย่างยอดเยี่ยม

แต่ในองค์กรใหญ่มักมีปัญหาเรื่องการทำงานเป็นไซโลอันเนื่องมาจากปริมาณงานหรือจำนวนลูกค้าที่มากทำให้กระบวนการทำงานต้องสร้าง Specialization of Labor เพราะต้องการสร้างประสิทธิภาพในการทำงานโดยทำให้คนมีความเชี่ยวชาญเฉพาะในเรื่องนั้นๆ จึงทำให้ความคิดสร้างสรรค์ การเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ หรือแม้แต่การขับเคลื่อนข้ามหน่วยงานทำได้ล่าช้าและไม่เข้าขากันไปโดยปริยาย

ที่ SCB นอกจากเราจะทดลอง Agile Concept ในแผนก HR แล้ว เราเริ่มขยับขยาย โดยให้ความรู้เรื่อง Agile Concept กับ Change Champion ซึ่งเป็น Change Agent ของธนาคาร ในการปรับเปลี่ยน Culture วิถีการทำงานให้มี agility เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ที่โดดเด่น และกลายเป็น “องค์กรแห่งอนาคต

องค์กรแห่งอนาคต คือ องค์กรที่สร้างบรรยากาศการทำงานให้คนได้ขยายขอบข่ายการเรียนรู้ออกไปนอกไซโลหรือหน้าที่งานนั้นๆ ซึ่งการทลายไซโลนี้ได้มันทำให้เราเอาชนะปัญหาเดิมๆ คือการมองไม่เห็นคนอื่นว่าเขาทำอะไรกันและคนอื่นก็มองไม่เห็นเรา เพราะมีกำแพงเหล่านี้มากั้น ทำให้การทำงานของเราไม่มี Alignment จึงเกิดการทำงานที่ซ้ำซ้อน บางครั้งก็ต้องมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากกระบวนการที่เราตีกรอบมันมากจนเกินไป การทำงานแบบ agile เป็นวิถีการทำงานที่เน้นการร่วมมือกันแบบ cross-functional ของหลายๆ หน่วยงาน เพื่อทำให้เกิด Visibility และ Transparency ที่ทุกคนเห็นงานทั้งหมดเป็นภาพเดียวกัน มีรอบการทำ Inspection เพื่อ review ความคืบหน้าของงานได้ถี่ขึ้นทำให้เห็น Blocker ที่ทำให้งานเบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายได้เร็วขึ้น เราจึงสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการทำงาน Adaptation ได้ทันต่อสถานการณ์อยู่เสมอ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้ทำ Retrospective กันเป็นระยะ เพื่อทุกคนจะได้ให้และรับ feedback ไปปรับปรุงการทำงานร่วมกันให้ดีขึ้น การที่เรามี Flexibility ได้มากขนาดนี้ ทำให้เรานำเสนอ final product ของเราได้เร็วขึ้นและบ่อยขึ้น และที่สำคัญที่สุดก็คือมันช่วยสร้าง Mindset ของเราในการให้ความสำคัญกับการได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ การพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง และการให้ความสำคัญกับลูกค้า

การทำ agile นอกจากเราจะใช้ Scrum ด้วยการทำงานเป็นทีมโดยไม่ต้องมีหลักเกณฑ์ตายตัว แต่ให้ทีมหาหนทางแก้ปัญหาการทำงาน tool ง่ายๆ เช่น การสร้าง Kanban Board ก็ทำให้เกิดความสนุกและการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อ ผู้จัดการสาขารัชโยธิน ได้ทดลองนำ Kanban Board ไปใช้ในการทำงานที่สาขา โดยบอกน้องๆ ในทีมว่าพี่ไปเรียนรู้เครื่องมือที่จะทำให้งานของพวกเราสนุกขึ้นมาตัวหนึ่ง พวกเราทุกคนในสาขามาทดลองใช้กันนะ เธอให้พนักงานเขียนรายการงานที่ทุกคนจะต้องทำลงบนแผ่น post-it แล้วให้ทุกคนเขียนชื่อตัวเองซึ่งเป็นเจ้าของงานชิ้นนั้นไว้บน post-it แล้วแปะไว้บน Kanban board เพื่อให้ทุกคนมี Ownership บนงานนั้นๆ

ทุกเช้าที่สาขาจะมี Stand-up Meeting เพื่อ update งานกันว่าใครทำอะไรไปบ้าง มีอุปสรรคอะไรที่ทำให้งานไม่สำเร็จหรือไม่ ถ้ามีก็ไปเขียนแปะไว้บนบอร์ดเพื่อให้ทั้งทีมเห็นและช่วยกันขจัดออกไป ใครทำงานเสร็จ post-it ที่มีชื่อตัวเองจะเคลื่อนย้ายจากช่อง Doing ไปช่อง Done การเคลื่อนย้ายของ post-it กลายเป็นตัวบอก Velocity ในการทำงานของแต่ละคน บางคนเห็นเพื่อนทำงานได้เร็วก็เร่ง speed ตัวเองบ้างเพื่อแข่งกันจนเป็นที่สนุกสนาน

เครื่องมือและกิจกรรมนี้ทำให้พนักงานในสาขาทุกคนเห็นภาพงานทั้งหมดที่ร่วมกันทำอย่างชัดเจนอยู่บนกระดานแผ่นเดียว โดยงานใหญ่ๆ จะถูกแบ่งออกเป็นชิ้นเล็กๆ ทำให้งานที่ซับซ้อนกลายเป็นงานที่ง่ายจนทุกคนมั่นใจว่าสามารถทำให้สำเร็จและขับเคลื่อนมันได้ทุกวันโดยพร้อมเพรียงกัน ผู้จัดการสาขาจะใช้โอกาสนี้ในการแสดงความชื่นชมพนักงานที่ทำงานได้สำเร็จต่อหน้าทีมงาน ทำให้พนักงานคนนั้นเกิดความภาคภูมิใจและความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น จากคนที่ไม่เคย participate เป็นคนเงียบๆ ก็ลุกขึ้นมาออกเสียงให้ความเห็นและมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานของสาขาด้วยความกระตือรือร้น ทำให้พนักงานคนนั้นมีโอกาสได้ฉายแสงออกมาให้ทุกคนเห็น

เรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าชื่นใจที่ส่งผลในเชิงบวกและเป็นการจุดประกาย สร้างความตื่นเต้น ในการทดลองทำงานบน concept ของ Agile ที่เป็นเรื่องสำคัญที่จะเปลี่ยนองค์กรของเราให้กลายเป็นองค์กรแห่งอนาคต ด้วยการเรียนรู้ที่จะยืดหยุ่น รับการเปลี่ยนแปลง รักลูกค้า และให้ความสำคัญกับการกล้าคิดกล้าทดลองทำเรื่องใหม่ๆ เพื่อสร้างนวัตกรรมที่จะทำให้เราแข่งขันได้ในโลกแห่งอนาคต