อย่าซุกพรรค สับขาหลอกประชาชน

อย่าซุกพรรค สับขาหลอกประชาชน

ภายใต้ระบบการเลือกตั้งใหม่ ตามรัฐธรรมนูญที่ไม่เคยใช้มาก่อนและน่าจะเป็นที่แรกในโลกในการใช้ระบบการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม

และกำหนดเขตเดียว ต่างเบอร์ ทำให้พรรคการเมืองคิดกันชนิดต้อง “ตีลังกาคิด” เพื่อหวังเอาชนะใจประชาชนในระบบการเลือกตั้งใหม่

หลายพรรคตกผลึก ยึดหลักการเดิมว่า “พรรคเลือกคนประชาชนเลือกพรรค” จึงตั้งหน้า เฟ้นหาผู้สมัครที่ดีที่สุด และผลิตนโยบายที่ประชาชนจะพึงพอใจมากที่สุดให้เท่าของอำนาจอธิปไตยได้ตัดสินในวันเลือกตั้ง

แต่พรรคการเมืองที่มี ทักษิณ ชินวัตร เป็นจอมบงการอยู่ข้างหลังต่างคิด แบ่งพรรคสับขาหลอก หวังเพียงว่าการสับขาหลอกครั้งนี้ จะสามารถได้ส.ส.จำนวนมาก จึงกำเนิดพรรคที่แยกตัวจากเพื่อไทยจำนวนมาก เพื่อให้ได้เป้าหมายยุทธศาสตร์ 300 เสียง แล้วค่อย
ดึงพรรค “ขั้วรอเสียบ” มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล

อย่าซุกพรรค สับขาหลอกประชาชน

ยุทธศาสตร์ ทักษิณ ชินวัตร จึงตกลงปลงใจให้ เจ๊หน่อย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยึดการนำในเพื่อไทย เพื่อหวังปักหมุดกวาด
ส.ส.เขตให้ได้มากที่สุด ส่วนพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.=ทักษิณ ชินวัตร) ตามแผนนั้นจะมุ่งกวาดปาร์ตี้ลิสต์ จึงใช้ทายาทบิ๊กเนมมาเป็นนอมินีพรรค อย่าง “ปรีชาพล พงษ์พานิช” ลูกเจ๊เบียบ (ระเบียบรัตน์ พงษ์พานิช ) กุมบังเหียนหัวหน้าพรรคตามโผ “มิตติ ติยะไพรัช” หรือ เสี่ยฮั่น ลูกชายยุทธ ตู้เย็น (ยงยุทธ ติยะไพรัช) เป็นเลขาฯ “ฤภพ ชินวัตร” หลานทักษิณ เป็นรองหัวหน้าพรรค “สุณีย์ เหลืองวิจิตร - วิม รุ่งวัฒนจินดา” คนสนิทเฮียเพ้งมาเข้าร่วมด้วย

และอีกหนึ่งคนที่เป็นที่ฮือฮาคือ “วรรษมล” ภรรยาของธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เป็นเหรัญญิก ส่วนเพื่อธรรมตอบสนองความฝันของเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่หวังผลักดัน สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นเป็นผู้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี หลังจากอกหักในการจัดทัพเพื่อไทย

อย่าซุกพรรค สับขาหลอกประชาชน

ขณะที่เพื่อธรรม เป็นฝันของคนเสื้อแดงที่จะมีพรรคเป็นของตัวเองไม่เป็นเบี้ยล่างของเพื่อไทยอีกต่อไป สำหรับพรรคประชาชาติเป็นการบริหารพื้นที่เฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่คนในพื้นที่ ปฏิเสธทักษิณ ชินวัตร ด้วยเหตุการณ์ไฟใต้ ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา

จึงมีการสับขาหลอกคนในพื้นที่แต่จริงแล้วมาจากท่อนน้ำเลี้ยงเดียวกัน การสับขาหลอกแบ่งพรรค ซ่อนตัว ซุกความเป็นทักษิณ ชินวัตร ไว้ในพรรคนอมินีต่างๆ นั่นเป็นมุมคิดเดียวกับการซุกหุ้นตัวเองไว้กับคนใช้และคนขับรถ ตั้งแต่การโอนหุ้นฝากไว้ เมื่อปี 2538 เล่นการเมืองไม่ตรงไปตรงมา เหมือนความเคยชินในการทำธุรกิจ จากหุ้นเลี่ยงภาษีให้นอมินีติดคุกแทนแบบนี้ จะไปถึงฝั่งฝัน 300 เสียงที่ตั้งเป้าได้หรือไม่เจ้าของแผ่นดินทั้งหลายจะเป็นผู้ให้คำตอบ