เชื่อแล้วทำ...ใจสู้หรือเปล่า

เชื่อแล้วทำ...ใจสู้หรือเปล่า

เชื่อมั่นอย่างสูงในสิ่งที่ตนเองคิดจะทำและใจสู้ไม่กลัวและไม่สงสัยในสิ่งที่ต้องการจะทำ

ผมเป็นคนชอบดื่มกาแฟบดสดสไตล์อิตาเลียน และเนื่องจากในช่วงปี ค.ศ. 1997 นั้น ผมต้องเดินทางไปประชุมที่ประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่บ่อยครั้ง เพื่อเริ่มรับบทบาทของหัวหน้าสำนักงานกฎหมายประจำประเทศไทยของ White & Case ซึ่งเป็น Global Law Firm ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่นิวยอร์ก ผมจึงรู้จักและได้ใช้บริการร้านกาแฟ Starbucks มาตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่ได้มาเปิดสาขาในประเทศไทย ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานนัก คือ ปี ค.ศ. 1998 Starbucks ก็ได้มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ชั้นล่างของห้างเซ็นทรัลสาขาชิดลม (บริเวณที่ติดกับถนนเพลินจิตและเป็นทางเข้าที่จอดรถ แต่ปัจจุบัน Starbucks สาขาแรกนี้ได้ย้ายไปตั้งบริเวณอื่นของห้างแล้ว)

ผมใช้คำว่า 'ใช้บริการ' Starbucks เพราะผมไม่ได้ไปดื่มกาแฟแต่เพียงอย่างเดียว ผมเข้า Starbucks เพื่อเอางานไปทำ เอาหนังสือไปอ่าน นัดคนไปพูดคุย ในขณะที่ได้ดื่มกาแฟไปด้วย และโดยที่ผมไม่ยึดติดกับการที่จะต้องทำงานในที่เงียบสงบ ผมจึงกลับรู้สึกมีพลังจากการได้มองผู้คนที่ต่างนั่งทำเรื่องของตนอยู่ในโต๊ะอื่นๆ และที่เดินขวักไขว่ไปมา รวมทั้งได้ฟังเพลงที่เปิดคลออยู่ในร้านในบางช่วงเวลาด้วย Starbucks จึงเป็นสถานที่สำหรับเปลี่ยนบรรยากาศในการทำงานของผมจากเดิมที่ต้องทำงานในสำนักงานหรือในโรงแรม

A trip to Starbucks becomes an affordable luxury in an otherwise mundane day, providing a 'third place' that is not work and not home, providing people with something they don’t know they have wanted (จากหนังสือ Pour Your Heart into It เขียนโดย Howard Schultz)

Howard Schultz ก่อตั้งร้านกาแฟ Starbucks แห่งแรกในเมือง Seattle ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ด้วยความ 'เชื่อ' ว่าผู้บริโภคต้องการ A Third Place แต่ได้ลงมือ 'ทำ' เพราะ 'ใจสู้' กล้าให้คำมั่นกับนายทุนรายหนึ่ง (หลังจากถูกปฏิเสธมาแล้วหลายราย) ว่าจะเปิดสาขาให้ได้ไม่น้อยกว่า 100 แห่งทั่วประเทศสหรัฐอเมริกาภายใน 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นงานยากมหาหินในยุคนั้น

นอกจากชอบดื่มกาแฟบดสดสไตล์อิตาเลียนแล้ว ผมยังเป็นคนชอบดูฟุตบอลลีกของประเทศอังกฤษด้วย โดยผมติดตามดูมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กนักเรียน เมื่อเล่าเรื่อง Starbucks จึงอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงความสำเร็จของทีมฟุตบอลของสโมสรเลสเตอร์ซิตี้

ในส่วนของ Howard Schultz นั้น เขายอมรับว่าเขาคิดไม่ถึงว่า Starbucks จะประสบความสำเร็จสูงถึงเพียงนี้จนได้กลายมาเป็น A Third Place อันเป็นรูปแบบการใช้ชีวิตของผู้คนจำนวนมากมายทั่วโลก ซึ่งผมก็คิดเอาเองว่าแม้ คุณวิชัย ศรีวัฒนประภา จะเชื่อว่าจะต้องสามารถทำให้ทีมเลสเตอร์ซิตี้ดีขึ้นกว่าช่วงที่คุณวิชัยเริ่มเข้าซื้อทีมมาได้มาก แต่การประสบความสำเร็จถึงขั้นได้ครองถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกหนึ่งสมัยหลังจากทำทีมมาได้ไม่กี่ปีนั้นน่าจะต้องเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายของคุณวิชัยเช่นเดียวกัน

แม้ความสำเร็จของทีมเลสเตอร์ซิตี้จะเป็นเรื่องที่โด่งดังมีคนรับรู้ทั่วโลก แต่ก็ไม่ใช่บทพิสูจน์หนึ่งเดียวเกี่ยวกับความสามารถของคุณวิชัย ความสำเร็จในธุรกิจจำหน่ายสินค้า Duty Free ในระดับของ King Power ก็หาได้ไม่ง่ายในโลกนี้และเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดขึ้นได้ยากไม่แพ้กัน ซึ่งคงมาจากปัจจัยหลายอย่างที่คุณวิชัย 'เชื่อ' แล้วลงมือ 'ทำ' 

จากการที่ผมได้มีโอกาสสังเกตคุณวิชัยในการประชุมร่วมกันในรอบหลายปีที่ผ่านมา (แม้จะไม่บ่อยครั้งนักเพราะผมไม่เคยทำงานเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้กับคุณวิชัย เนื่องจากผมมักจะบังเอิญไปทำงานเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้แก่ฝ่ายอื่นๆ อยู่แล้วในธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคุณวิชัย เช่น เป็นที่ปรึกษากฎหมายให้แก่ Air Asia ในการที่คุณวิชัยเข้าซื้อหุ้นและขายหุ้น และเป็นที่ปรึกษากฎหมายให้แก่ผู้ที่ต้องการซื้ออาคารมหานครอีกรายหนึ่ง ซึ่งในที่สุดคุณวิชัยซื้อได้ไปเพราะเสนอเงื่อนไขที่ดีกว่า) ผมสัมผัสได้ถึงการเป็นคนที่มีความเชื่อมั่นอย่างสูงในสิ่งที่ตนเองคิดจะทำและใจสู้ไม่กลัวและไม่สงสัยในสิ่งที่ต้องการจะทำ (When you see things others don’t see, but you believe strongly in them, you have to throw caution to the wind. จากหนังสือ Pour Your Heart into It เขียนโดย Howard Schultz)

การที่ King Power สามารถสอนให้พนักงานขายทั้งร้านซึ่งมีจำนวนมากและล้วนแต่เป็นคนไทยที่ไม่มีความรู้หรือความสามารถพิเศษด้านภาษาใดๆ มาก่อนเลย สามารถสื่อสารภาษาจีนทั้งฟังและพูดกับลูกค้าซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งในการสร้างความพอใจให้แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งถือเป็นลูกค้าหลัก หรือการที่สโมสรเลสเตอร์ซิตี้ สามารถบริหารจัดการให้
นักฟุตบอล ผู้จัดการทีมและสต๊าฟโค้ช รวมทั้งฝ่ายจัดการของทีม ผนึกกำลังกันจนสร้างความสำเร็จตามเป้าประสงค์ขึ้นมาได้ ซึ่งเห็นได้ชัดเจนในกรณีของนักฟุตบอลของทีมซึ่งก่อนหน้าที่จะได้ครองถ้วยแชมป์พรีเมียร์ลีกนั้นถือว่ามีชื่อชั้นในระดับกลางๆ ทุกคน กลับเค้นความสามารถที่มีอยู่ในตัวของแต่ละคนออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่ และรวมพลังกันพัฒนาการเล่นของทีมจนได้เป็นแชมป์แบบเหนือความคาดหมาย ซึ่งจากการนี้ทำให้นักเตะหลายคนในทีมมีชื่อเสียงและพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาจนได้รับคัดเลือกให้เล่นในทีมชาติของประเทศของตน รวมทั้งยังเป็นเป้าหมายในการซื้อตัวจากสโมสรฟุตบอลที่ใหญ่กว่าและมีเงินทุนสูงกว่าด้วยนั้น ผมเชื่อว่ามาจากการที่คุณวิชัย 'เชื่อและทำ' แบบ 'ใจสู้' ซึ่งส่งผลในทางบวกต่อผู้คนรอบข้างที่ทำงานให้กับคุณวิชัย เข้าทำนองที่จะต้องถามตัวเองว่า 'ใจสู้หรือเปล่า' ถ้าใจสู้ก็ต้อง 'เชื่อและทำ' แบบ 'ใจสู้' ด้วยกันกับเจ้านาย

ด้วยความเคารพ...หลับให้สบายครับ

www.facebook/Weerawong: Wonderful Ways