บทเรียน “บ้านนาเมือง” ปรับงานอสม.สู่ดิจิทัล 4.0

บทเรียน “บ้านนาเมือง”  ปรับงานอสม.สู่ดิจิทัล 4.0

ก่อนอื่นต้องกล่าวถึงบริบทของ รพ.สต.บ้านนาเมือง ว่าหน่วยงานแห่งนี้ เป็น รพ.สต. Size L ใน ต.นาเมือง อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด

ตำบลนี้่มีพื้นที่มากที่สุดใน อ.เสลภูมิ มีทั้งหมด 20 หมู่บ้าน มี 2 รพ.สต. 2 ดูแลประชากรทั้งหมด 10,674 คน โดย รพ.สต.บ้านนาเมือง รับผิดชอบทั้งหมด 16 หมู่บ้าน 1,843 หลังคาเรือน ประชากร 8,457 คน กล่าวได้ว่ามีพื้นที่รับผิดชอบค่อนข้างกว้างมาก ขณะที่กำลังเจ้าหน้าที่ รพ.สต.มีเพียง 7 คน เฉลี่ยแล้ว 1 คนต้องดูแล 2-3 หมู่บ้าน โดยทำงานร่วมกับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ใน 16 หมู่บ้านอีก 235 คน เฉลี่ยแล้ว อสม. 1 คนจะดูแลรับผิดชอบ 8-10 หลังคาเรือน

ทั้ง 16 หมู่บ้านนี้ ค่อนข้างอยู่ห่างไกลกัน การเดินทาง การติดต่อสื่อสารต่างๆ ค่อนข้างใช้เวลาพอสมควร บางครั้ง เมื่อมีข่าวเร่งด่วนที่ต้องลงไปแจกหนังสือ พบปะพูดคุยกับชาวบ้าน เราต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าจะแจกครบ 16 หมู่บ้าน เพราะจากความเป็นจริง การแวะ 1 หมู่บ้าน จะมีการคุยกัน 10-20 นาที กว่าจะไปครบทุกหมู่บ้านก็ต้องใช้เวลาไปไม่น้อย

ผมในฐานะ ผอ.รพ.สต. จึงพยายามหาเครื่องมือ เทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยในการทำงาน โดยในปี 2558 ทราบมาว่าบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ เอไอเอส ที่ได้พัฒนาแอปพลิเคชัน อสม.ออนไลน์ และเห็นตัวอย่างจาก รพ.สต.หลักร้อย อ.เมืองนครราชสีมา ที่เริ่มนำแอปฯ นี้มาใช้ก่อน จึงเกิดความคิดว่า หากนำแอปฯ นี้มาใช้น่าจะทำให้การติดต่อสื่อสารสะดวกขึ้น จึงได้ติดต่อขอความอนุเคราะห์ในการส่งทีมงานลงมาช่วยอบรมการใช้งานแอปฯนี้ รวมทั้ง ทำข้อตกลงระหว่าง รพ.สต. และ อสม.ร่วมกันว่า ก่อนหน้านี้เราใช้ไลน์และเฟซบุ๊คในการติดต่อสื่อสาร แต่หลังจากนี้เราจะสื่อสารผ่านแอปฯ อสม.ออนไลน์แทน ให้เป็นเครื่องมือที่ใช้ได้เฉพาะ อสม. คนอื่นไม่สามารถปะปนเข้ามาได้ เพราะมีการเก็บข้อมูลที่สามารถนำมาใช้ได้คล่องตัวกว่าการใช้ “โซเชียล มีเดีย” 

แน่นอนว่า อสม.ไม่ได้สมาร์ทโฟนกันทุกคน เบื้องต้นเราขอหมู่บ้านละ 1-2 คนก่อน รวมๆ แล้วมี อสม.ชุดแรก 37 คนที่มาอบรม และจะเป็นตัวแทนในแต่ละหมู่บ้านในการช่วยสอนอสม.คนอื่นๆ ต่อไป ซึ่งปัจจุบันก็มี อสม.ที่เปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนและสามารถใช้แอปฯนี้ได้เพิ่มมากขึ้น

สำหรับรูปแบบการใช้งาน ปกติงานที่ อสม.ต้องทำเป็นประจำ คือแบบรายงานประจำเดือน หรือ อสม.1 ช่วงแรกเราใช้วิธีถ่ายเอกสารแล้วแจกให้อสม.เขียนรายงานแล้วส่งรูปมาทางแอปฯ แต่ในช่วงต่อมา เราเสนอไปว่าอยากให้พัฒนาให้ทำแบบ อสม.1 ในมือถือได้เลย ซึ่งทางเอไอเอส ก็รับข้อเสนอนำกลับไปพัฒนา ทำให้ปัจจุบันนี้ อสม.สามารถกรอกแบบฟอร์มรายงานบนมือถือได้เลย อสม.คนไหนที่ยังไม่มีสมาร์ทโฟนก็ให้เพื่อนทำให้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการพิมพ์เอกสาร นอกจากนี้เมื่อส่งแบบรายงานเสร็จแล้ว ระบบก็จะรวมข้อมูลให้อัตโนมัติประมวลผลออกมาเป็นภาพรวมของหมู่บ้าน เจ้าหน้าที่เราไม่ต้องเสียเวลาเช็กทุกเดือนว่าใครส่งแล้วบ้าง และไม่ต้องเสียเวลาประมวลผลข้อมูล

เช่นเดียวกับการนัดหมายประชุมประจำเดือน แต่เดิมเราใช้ส่งหนังสือเอกสารไปหาประธาน อสม.แล้วให้กระจายข่าว แต่ตอนนี้สามารถแจ้งผ่านแอปฯ ให้ อสม. ทุกหมู่บ้านทราบพร้อมกัน ถ้าคนไหนเข้าประชุมก็กดตอบรับ ถ้าคนไหนมาประชุมไม่ได้ก็จะตอบมาว่าไม่ได้เนื่องจากอะไร ภายใน 5 นาทีก็ครบ 16 หมู่บ้านแล้ว และพอเสร็จการประชุมก็จะมีบันทึกการประชุมให้อสม.ที่ไม่ได้มาร่วมสามารถเปิดอ่านในภายหลังได้

ส่วนความสะดวกในการบริหารจัดการ เช่น การเยี่ยมประชาชน เพราะลำพังแค่เจ้าหน้าที่ 7 คน คงดูแลได้ไม่ทั่วถึง เราใช้วิธีให้ อสม.เข้าไปช่วยดูแล เช่น สมมติมีผู้ป่วยที่ส่งกลับจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้านแล้วจำเป็นต้องมีการติดตามอาการ เราจะให้ อสม.ไปดูแลให้แล้วส่งรูปถ่ายพร้อมพิกัดแผนที่กลับมาให้ ทำให้ รพ.สต.ทราบได้ว่าผู้ป่วยอยู่จุดไหน หรือหากผู้ป่วยมีปัญหาเกินขีดความสามารถของ อสม.ที่จะดูแล ก็สามารถขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่เพื่อดูแลเบื้องต้นได้ โดยถ่ายวีดิโอส่งมาให้ประเมินอาการได้ทันที และถ้าจำเป็นต้องลงไปดูแลเพิ่มเติมก็สามารถเดินทางไปตามพิกัดได้อย่างรวดเร็ว

เครื่องมือนี้ยังช่วยในเรื่องการสร้างเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy) เพราะข่าวสารที่ส่งออกไปผ่านแอปฯ จะมาจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั้งหมด อสม.สามารถนำไปอ่านในหอกระจายข่าวได้เลย จากเดิมที่เมื่อก่อนต้องพิมพ์เป็นหนังสือส่งถึงผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งบางครั้งถ้าเป็นเรื่องเร่งด่วนก็ไม่ทันการณ์ เช่นเดียวกับงานควบคุมโรคก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น สมมติทางโรงพยาบาลอำเภอแจ้งมาว่า มีไข้เลือดออกระบาด เราสามารถแจ้ง อสม.ให้ออกควบคุมลูกน้ำยุงลายได้รวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง รวมทั้งการแจ้งเตือนข่าวก็รวดเร็วขึ้น ซึ่ง อสม.สามารถแจ้งเหตุ  แจ้งพิกัดได้ด้วย 

ภาพรวมตลอด 3 ปีที่ รพ.สต.บ้านนาเมืองใช้แอปฯ อสม.ออนไลน์ ผมเชื่อมั่นว่า ประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้น จากเดิมที่ทำรายงานกระดาษก็ทำบนโทรศัพท์ได้ ทำให้ระบบฐานข้อมูลของ รพ.สต.ดีขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น ตรวจสอบการทำงานได้ ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายของเจ้าหน้าที่ลงได้เยอะ งานบางอย่างถ้าอสม.ทำได้ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ต้องลงไปดูเอง ทำให้เอาเวลาส่วนนี้ไปทำงานอย่างอื่นได้มากขึ้น

ทั้งหมดนี้ ผมอยากชี้ให้เห็นถึงข้อดีของการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และอยากเชิญชวน รพ.สต.ที่ยังลังเลใจให้มาลองใช้กันดูครับ ยิ่งถ้าเป็นรพ.สต.ขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่รับผิดชอบมาก มีจำนวน อสม.เยอะ แอปฯ อสม.ออนไลน์นี้จะยิ่งเป็นประโยชน์ในการทำงานมากยิ่งขึ้นครับ

โดย...

วิบูลย์ ทนงยิ่ง 

ผอ.รพ.สต.บ้านนาเมือง