ช่วงเปลี่ยนผ่าน ผู้นำต้องเก่งอะไรบ้าง

ช่วงเปลี่ยนผ่าน ผู้นำต้องเก่งอะไรบ้าง

ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่านจากการทำการงานแบบหนึ่งไปเป็นอีกแบบหนึ่ง มีการแปลงโฉมการงานตามการเปลี่ยนแปลง คนบริหารจะต้องเก่งเพิ่มขึ้นอีกหลายอย่าง

จึงจะนำพาการเปลี่ยนผ่านนั้นไปได้อย่างประสบความสำเร็จ เริ่มต้นด้วยการเก่งสื่อสาร เพราะการเปลี่ยนแปลงจากสภาพการทำงานอย่างหนึ่งไปเป็นอีกแบบหนึ่งนั้น คนทำงานต้องการทราบว่าต่อไปจะมีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นผู้นำต้องสามารถสื่อสารให้คนทำงานรับรู้ได้ว่าข้างหน้านั้น การงานใหม่จะเป็นอย่างไร ต้องสื่อสารได้อย่างเหมาะสมกับกาละเทศะของการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนั้น ผู้นำที่เก่งจะทราบว่าเมื่อใดควรสื่อสารเรื่องใด ให้กับคนทำงานกลุ่มไหน เพื่อให้ทุกคนไม่วิตกกังวลกับการเปลี่ยนแปลงนั้น หรือที่ดีไปกว่านั้นคือสื่อสารได้ดีจนกระทั่งคนทำงานพร้อมใจกันเดินหน้าขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้น

ในระหว่างการเปลี่ยนผ่านจากการงานแบบเก่าไปเป็นแบบใหม่นั้น ผู้นำต้องบริหารความสัมพันธ์ระหว่างคนทำงานกลุ่มต่างๆ ให้เป็นไปโดยราบรื่น การเปลี่ยนแปลงอาจทำให้การงานของบางคนง่ายขึ้น ในขณะที่บางคนกลับยากขึ้น จึงมีโอกาสที่จะเกิดความรู้สึกว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เป็นธรรมกับตนเอง เปลี่ยนแล้วคนนั้นสบายขึ้น แต่ฉันกลับลำบากมากขึ้น ดังนั้นผู้นำจึงต้องคาดการณ์ได้ว่าควรจัดใครลงในหน้าที่ใหม่ ที่จะไม่ทำให้เกิดความรู้สึกขึ้นว่าเปลี่ยนแล้วฉันลำบาก แต่เธอสบาย การเปลี่ยนแปลงที่คนยอมรับ ต้องเป็นการเปลี่ยนแปลงที่คนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะได้ไม่เท่ากัน แต่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนั้นควรจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง

การทำงานในระหว่างการเปลี่ยนผ่านนั้น ผู้นำต้องให้ความชัดเจนกับคนทำงานว่า ผู้นำคาดหวังผลงานอย่างไร คาดหวังให้ดีขึ้นเร็วมากน้อยแค่ไหน เพื่อให้คนทำงานรู้ว่าเขาควรจะเร่งมือทำการเปลี่ยนแปลงนั้นมากน้อยเพียงใด การประเมินผลงานในระหว่างการเปลี่ยนแปลงนั้น เหมือนการขับรถขึ้นภูเขาที่ต้องรู้ว่าอยู่ตรงไหนต้องเร่งความเร็ว อยู่ตรงไหนต้องเบรค การเปลี่ยนผ่านไม่เหมือนการขับรถบนถนนราบเรียบยาวไกล ที่ขับด้วยความเร็วคงที่ช้าเร็วได้ตลอดเส้นทาง การประเมินผลงานจึงต้องสอดคล้องกับช่วงระยะของการเปลี่ยนผ่านนั้น อย่าเขี่ยวเข็ญไล่บี้ให้ได้งานมาก ๆ ในจังหวะการเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นมาก ๆ ในขณะที่อย่าผ่อนปรนกับผลงานที่ด้อยลง ในยามที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง

ความยากเย็นหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านการทำงานจากแบบเดิมที่คุ้นเคย มาเป็นแบบใหม่ที่มีประสิทธิผลสูงกว่านั้น คือการยึดติดอยู่กับการทำงานแบบเดิมๆ ที่ตนเองเชื่อว่าเป็นหนทางแห่งความสำเร็จ คนที่คุ้นเคยกับการเปิดปิดไฟแดงไฟเขียวด้วยตนเอง มักไม่ยอมเชื่อว่าระบบควบคุมไฟจราจร ที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการคำนวณระยะเวลาของไฟเขียวไฟแดง จะทำให้การจราจรลื่นไหลได้มากกว่า ผู้นำที่เก่งจริงต้องสามารถชี้ชวนชักนำให้คนชอบกดไฟเขียวไฟแดงด้วยตนเอง ปล่อยวางหน้าที่เดิมที่ประสิทธิผลน้อยลงทุกที หันมาทำงานวิธีใหม่ ที่ต้องทำงานร่วมกับระบบปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่ใช่มองเป็นคู่แข่ง

ถ้าจะเดินตามใครไปในเส้นทางใหม่ที่ไม่คุ้นเคย เรามักดูก่อนว่าคนที่เดินนำไปนั้น พอจะเชื่อถือได้หรือไม่ก่อนที่จะเดินตามไปด้วย ผู้นำที่จะเดินนำคนทำงานไปสู่การเปลี่ยนผ่านได้ทั่วหน้า ก็ต้องเป็นคนที่ทำตัวน่าเชื่อถือ ไม่วูบวาบ เดี่ยวดุ เดี่ยวตลก ปะปนกันจนดูไม่ออกว่าตอนไหนตลก ตอนไหนกำลังจริงจัง บุคลิกภาพที่ดีของผู้นำจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการนำคนทำงานสู่การเปลี่ยนผ่าน เดินไปบนเส้นทางใหม่ ใครๆ ก็ผิดพลาดได้ ผู้นำผิดพลาดได้ แต่ต้องแสดงความรับผิดชอบต่อความผิดพลาดนั้นให้ปรากฏ ไม่ใช่แก้ตัวทุกครั้งที่เกิดความผิดพลาด หรือโยนความผิดพลาดนั้น ให้กลายเป็นของคนทำงานไปเลย อยากนำการเปลี่ยนแปลง ขอให้ทำตนให้สมกับการเป็นผู้นำ รู้ว่าจังหวะใด ต้องแสดงบทบาทอย่างไร แสดงให้คนทำงานเห็นประจักษ์ว่า แก้ไขความผิดพลาด ดีกว่าแก้ตัว

ผู้นำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านที่ประสบความสำเร็จ จะรายล้อมไปด้วยคนทำงานที่เก่งสุดๆ ในหลายด้าน คนนี้เก่งเรื่องนั้น คนนั่นเก่งเรื่องนี้ ผู้นำที่เป็นยอดฝีมือ มีคนรอบตัวที่เป็นเกรด เอ ในขณะที่ผู้นำตำ่ต้อยฝีมือในการเปลี่ยนผ่านนั้น รอบตัวมีแต่คนเกรด ซี เกรด ดี