ยุทธศาสตร์ชาติที่ดีหน้าตาเป็นยังไง

ยุทธศาสตร์ชาติที่ดีหน้าตาเป็นยังไง

ในที่สุดเราก็ได้เห็นหน้าตาของยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หลังจากประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ ก็มีทั้งเสียงตอบรับว่า

ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะมียุทธศาสตร์ชาติเพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาประเทศในระยะยาว และเสียงของคนที่รู้สึกไม่สบายใจว่ายุทธศาสตร์ที่ประกาศออกมาจะเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลปัจจุบันหรือเปล่า เรื่องชอบหรือไม่ชอบ ถูกใจหรือไม่ถูกใจ เป็นเรื่องปกติของสังคมที่ให้คุณค่ากับคำว่าประชาธิปไตย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ การพูดคุยกันอย่างสร้างสรรค์ควรตั้งอยู่บนฐานของหลักทางวิชาการที่แน่นหนา มากกว่าการใช้ความรู้สึกมาถกเถียงกัน

ความจริงแล้วยุทธศาสตร์ชาติไม่ใช่เรื่องใหม่ในสังคมโลก องค์ความรู้เกี่ยวกับหลักการพัฒนายุทธศาสตร์ชาติเองก็ตกผลึกมาระดับหนึ่ง งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดยุทธศาสตร์และการวางแผนได้ข้อสรุปที่สอดคล้องกันว่า ยุทธศาสตร์ที่ดีจะต้องมีลักษณะสำคัญ 10 อย่างดังนี้

เรื่องที่ การสร้างและนำแผนไปใช้จะต้องเปิดโอกาสให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มเข้ามามีส่วนร่วมในการคิด เขียน และดำเนินการ การทำเช่นนี้นอกจากจะช่วยให้ได้ยุทธศาสตร์ที่มองครบทุกด้านแล้ว ยังช่วยให้ทุกภาคส่วนของสังคมยอมรับยุทธศาสตร์ที่ประกาศออกมา

เรื่องที่ 2 ยุทธศาสตร์ควรเป็นแนวทางในการดำเนินการ แต่ไม่ใช่พิมพ์เขียวที่จะต้องเดินตามแบบแตกแถวไม่ได้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป ปัจจัยแวดล้อมที่ส่งผลต่อความสำเร็จของยุทธศาสตร์อาจแตกต่างไปจากที่คาดการณ์ไว้ในช่วงที่เขียนแผน หากเขียนยุทธศาสตร์เป็นพิมพ์เขียว จะทำให้คนที่ทำงานปรับตัวได้ยากกว่าการที่กำหนดแนวทางแล้วให้ผู้ที่รับผิดชอบปรับวิธีการทำงานตามความเหมาะสมกันเอง

เรื่องที่ 3 ก่อนจะกำหนดยุทธศาสตร์ต้องมีการศึกษา วิเคราะห์ และประเมินสถานการณ์จากข้อมูลอย่างเหมาะสม ครอบคลุม ด้วยวิธีการที่เป็นที่ยอมรับทางวิชาการ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ซึ่งจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เข้าใจสถานการณ์ของประเทศตามความจริง และช่วยจัดลำดับความสำคัญของยุทธศาสตร์ได้

เรื่องที่ 4 มีการกำหนดแนวทางในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน สามารถระบุเจ้าภาพ หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาควิชาการที่เกี่ยวข้องได้

เรื่องที่ 5 ผู้ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่ระดับบริหารจนถึงระดับปฏิบัติการมีความเข้าใจถึงหลักการ เป้าหมาย และสาระสำคัญของยุทธศาสตร์ในภาพรวม สามารถระบุได้ว่าการทำงานของหน่วยงานของตน รวมถึงงานที่ตนเองรับผิดชอบมีส่วนในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติได้อย่างไร

เรื่องที่ 6 มีแนวทางที่โปร่งใสในการจัดสรรกำลังคน งบประมาณ และทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อให้เพียงพอต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่วางไว้ หากมีข้อจำกัดจนทำให้ไม่สามารถจัดสรรได้เพียงพอต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ทั้งหมดไปพร้อมกันได้ ก็ควรมีการจัดลำดับความสำคัญว่ายุทธศาสตร์ไหนควรเดินหน้าก่อน ซี่งดีกว่าการเอากำลังคน งบประมาณ และทรัพยากรที่ไปเกลี่ยให้ทุกยุทธศาสตร์เท่ากัน แต่กลับทำให้ไม่มียุทธศาสตร์ไหนได้รับการจัดสรรเพียงพอที่จะเดินหน้าได้สำเร็จ

เรื่องที่ 7 การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์จะต้องเป็นการจับมือกันของทุกภาคส่วน ในบางเรื่องภาครัฐควรเป็นแม่งาน บางเรื่องภาครัฐควรเป็นผู้ประสานงานเพื่อเปิดโอกาสให้ภาคส่วนอื่นที่มีความพร้อมและมีความชำนาญเข้ามาเป็นแม่งาน โดยเฉพาะการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในระดับพื้นที่

เรื่องที่ 8 มีการประเมินความเสี่ยงที่จะส่งผลต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของยุทธศาสตร์ รวมถึงมีแนวทางในการบรรเทาผลกระทบดังกล่าว มีการวางระบบและมีการจัดสรรทรัพยากรให้เพียงพอต่อการดำเนินการเพื่อบรรเทาผลกระทบจากความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และการประเมินความเสี่ยงควรทำเป็นประจำทุก 1-2 เพื่อผู้ที่เกี่ยวข้องมีข้อมูลที่ทันสมัยไว้ใช้ในการเตรียมการ

เรื่องที่ ต้องมีกระบวนการติดตามและประเมินความสำเร็จตามยุทธศาสตร์อย่างต่อเนื่องด้วยหน่วยงานที่เป็นอิสระจากรัฐบาล มีการวางระบบจัดเก็บข้อมูลที่จำเป็นต่อการติดตามและประเมินผลที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพียงพอ และเป็นปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถประเมินระดับความก้าวหน้าตามยุทธศาสตร์ได้

เรื่องที่ 10 ต้องมีการสื่อสารอย่างต่อเนื่องในทุกขั้นตอนของการดำเนินการเพื่อให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบถึงความก้าวหน้าของการจัดทำแผน เมื่อเขียนแผนเสร็จแล้ว ต้องมีการสื่อสารประชาสัมพันธ์สาระสำคัญของแผนให้ทุกภาคส่วนได้รับทราบ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความเข้าใจ

ประเทศไทยกำลังนับถอยหลังไปสู่การเลือกตั้ง ยังไม่รู้ว่ารัฐบาลจะเป็นใคร แม้มีการกำหนดไว้ว่ารัฐบาลใหม่จะต้องเดินตามยุทธศาสตร์ชาติ แต่ข้อกำหนดนี้ก็เป็นแค่เงื่อนไขบนกระดาษ ในทางปฏิบัติรัฐบาลใหม่ย่อมสามารถหา “ช่องทาง” ที่จะไม่ทำตามยุทธศาสตร์ได้ แล้วผลักดันวาระของตนเองขึ้นมาแทน หากจะทำให้ยุทธศาสตร์นี้อยู่ทน อยู่ยาว และมีการนำไปใช้จริง เวลาที่เหลือหลังจากนี้ก็ควรหาทางสร้างแรงหนุนจากประชาชนให้มากพอ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เมื่อทุกคนเชื่อว่ายุทธศาสตร์นี้ไม่ใช่ยุทธศาสตร์ของรัฐบาล แต่เป็นสิ่งที่เขียนขึ้นมาเพื่อคนไทยอย่างแท้จริง