ทำงานไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก

ทำงานไม่เป็น เป็นใหญ่ยาก

ผู้บริหารมักกล่าวว่า “เราไม่สนใจว่าพนักงานทำงานหนักเพียงใด แต่เราสนใจว่าเขาสร้างผลงานอะไรได้มากกว่า” 

ซึ่งทำให้คนทำงานต้องหันกลับมาคิดทบทวนว่าเราสร้างผลงานได้มากเพียงใดในชั่วโมงทำงานที่เรามีเท่าๆกับคนอื่น และหากเราพบว่าเราทำงานหนักมากและรู้สึกเหนื่อยล้าแต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาน้อยกว่าเพื่อนร่วมงาน เราต้องทบทวนวิธีการบริหารตนเองและงานของเราแล้วละค่ะ เรื่องของการไม่มีเวลาเป็นคำบ่นที่ดิฉันได้ยินอยู่ตลอดจากบรรดานักบริหารที่มาเข้ารับการฝึกอบรมที่ศศินทร์ และตัวดิฉันเองก็รู้สึกเช่นนี้กับการทำงานของตนเองเช่นกัน  แล้วดิฉันก็มาคิดว่าบุคคลที่บ่นว่าไม่มีเวลารวมทั้งตัวดิฉันด้วยนี้ล้วนบอกว่าทำงานไม่ทันและมีงานคั่งค้างรอการสะสางอยู่ก็จริง แต่ในเวลาเดียวกันเราก็สามารถทำงานก้าวหน้าประสบความสำเร็จจนมายืนตรงจุดนี้ได้ แสดงว่าเราต้องทำงานเป็น มิฉะนั้นเราก็คงต้องย่ำอยู่กับที่หรือไม่ก็ต้องถูกองค์กรปลดออกจากการทำงานแล้ว

ประเด็นคือ ทำงานอย่างไรจึงเรียกว่าทำงานเป็น ทำงานอย่างฉลาดไม่เหนื่อยเปล่าและได้ผลงานตามเป้าหรือเกินเป้า ความรู้เรื่องการทำงานให้เป็นนี้เป็นเรื่องที่เราต้องรู้จักโค้ชผู้นำทุกๆคนให้รู้จักวิธีทำงานที่ถูก และตัวผู้นำเองก็ต้องโค้ชลูกน้องในทีมให้ทำงานให้เป็นด้วย ทีมจึงจะสามารถสร้างผลงานยอดเยี่ยมได้ ซึ่งเรื่องของการทำงานให้เป็นเป็นเรื่องที่ผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญการโค้ชผู้บริหารได้ทำการศึกษาทดลองค้นคว้ากันมานาน โดยจากการสืบค้นศึกษาของดิฉันสามารถสรุปประเด็นสำคัญที่เราสามารถนำมาใช้พัฒนาการทำงานในชีวิตของเราได้  5 ประการด้วยกันค่ะ

มีความรู้ความเชี่ยวชาญในงานนั้น (Know how) จะทำงานใดๆให้สำเร็จก็ต้องมีความรู้และทักษะในงานนั้น หากยังไม่มีก็ต้องไปแสวงหาความรู้ความเชี่ยวชาญจากสำนักหรือผู้เชี่ยวชาญต่างๆ และต้องไม่หยุดเรียนรู้ เพราะความรู้ใหม่ๆเกิดขึ้นทุกวัน ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จที่เราได้ยินชื่อเสียงทั่วโลกล้วนเป็นผู้ที่สนใจเรียนรู้สิ่งใหม่ๆอยู่ตลอดเวลา หากต้องการสร้างผลงานโดดเด่นจากคนอื่นๆอย่างสม่ำเสมอก็ต้องมีผลงานดีๆแปลกใหม่นำเสนอนายจ้างเป็นระยะๆ

มีคนรู้จักให้การสนับสนุนช่วยเหลือ (Know who) ไม่ว่าจะเป็นคนไทย คนเอเชียหรือฝรั่งชาวตะวันตกต่างยอมรับกันถ้วนหน้าว่าการทำงานให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่ดี คนที่มีเพื่อนฝูงในวงการต่างๆมากมายย่อมได้เปรียบในหลายประเด็นด้วยกัน เริ่มจากการมีคนสนับสนุนช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ติดขัดเรื่องใดๆก็มีคนรู้จักตามหน่วยงานต่างๆสามารถยื่นมือให้ความสะดวกได้ นอกจากนั้นยังจะได้ข้อมูลข่าวสารข่าวกรองข่าวด่วนต่างๆที่เป็นประโยชน์ในการประกอบธุรกิจมากมาย ทำงานให้ฉลาดต้องไม่ทำอยู่คนเดียว แต่ต้องสร้างเครือข่ายความสัมพันธ์เพื่อเปิดหูเปิดตาด้วย

รู้จักจัดลำดับความสำคัญ (Know how to prioritize) จริงเลยที่เขาว่าไว้ว่า ยิ่งสูง ยิ่งหนาว ยิ่งเก่ง ยิ่งมีงานมาก เท่าที่รู้จักคนเก่งๆที่ประสบความสำเร็จ คนเหล่านี้ทำงานไม่ทันกันดังที่ได้กล่าวไปแล้วเบื้องต้น แต่เหตุผลที่ทำให้เขาก้าวหน้าไปได้เรื่อยๆก็เพราะเขารู้จักทำงานชิ้นสำคัญให้เสร็จ หลายคนไม่รู้จักลำดับความสำคัญของงาน เอาเวลาไปเสียกับงานทีทำเสร็จแล้วมีรางวัลน้อยหรือไม่ได้รางวัล เป็นงานที่ชอบทำแต่ไม่ใช่งานที่องค์กรต้องการ ดังนั้นท่านต้องรู้จักลำดับความสำคัญว่างานชิ้นใดเป็นงานที่ทำแล้วจะสร้างผลกระทบที่ดีมากมายกับองค์กรและตนเอง และถ้าไม่ทำก็จะเกิดผลร้ายกับองค์กรและตนเองงานแบบนี้ต้องเร่งมือทำ และงานใดที่ไม่ทำหรือทำช้าหน่อยก็ไม่เกิดผลกระทบไม่ว่าดีหรือร้ายมากนัก แบบนี้รอไปก่อนก็ได้ คำแนะนำคือ พอรับงานมาหลายๆชิ้น ให้จัดลำดับความสำคัญของงานให้เสร็จว่าต้องทำงานชิ้นใดก่อน จากนั้นอ่านคำแนะนำข้อต่อไปเลยค่ะ

รู้จักพลังงานของตนเอง (Know your energy)  เท่าที่สำรวจบทความเรื่องการบริหารเวลาจากวารสารและนิตยสารธุรกิจชั้นนำ เช่น ฟอร์บส์ ฮาร์วาร์ด บิสสิเนส รีวิว ตลอดจนเว็บไซต์นักบริหารธุรกิจสตาร์ทอัพ และธุรกิจแบบเถ้าแก่ ดฉันได้ไปพบแนวโน้มที่น่าสนใจอีกแนวโน้มหนึ่งคือ คนเดี๋ยวนี้เขาไม่นิยมพูดเรื่องการบริหารเวลา (Time management) กันแล้ว แต่หันไปสนใจเริ่องการบริหารพลังงาน (energy) ของตนเองมากกว่า เหตูผลก็คือ ทุกคนมีเวลาเท่ากัน แต่มีพลังงานไม่เท่ากัน เราจึงควรหันมาวิเคราะห์พลังงานของตัวเรา สังเกตช่วงของวันที่เรามีพลังงานสูงสุดและต่ำสุด จะได้ทราบว่าควรใช้ช่วงเวลาใดของวันในการทุ่มเทสมองและพลังกายไปทำงานชิ้นสำคัญ  ตอบอีเมลที่สำคัญ หลายคนสดชื่นแจ่มใสในตอนเช้า ก็ควรเอาเวลานั้นใช้ในการคิดหาทางแก้ปัญหาที่เฉียบคม พอตกบ่ายทานข้าวกลางวันแล้วเริ่มล้าก็หางานที่สำคัญรองลงมาทำแทน พอบ่ายแก่ๆเหนื่อยมาก วางมือบ้าง ค่อยตอบอีเมลที่ไม่ค่อยสำคัญหรือจัดเรียงเอกสารการทำงานให้เรียบร้อย หรือจัดลำดับความสำคัญของงานที่ต้องทำในวันต่อไป ให้ทำงานที่ไม่ต้องใช้พลังงานมากนักเวลาเหนื่อยล้าแล้ว เพราะขืนทำไปผลงานก็ออกมาไม่ค่อยดี จากการสำรวจพบว่าผู้ที่สามารถจัดเวลาทำงานให้เหมาะสมกับระดับพลังของตนสามารถทำงานได้ผลดีกว่าคนที่ทำงานไปเรื่อยๆแบบไม่มีการวางแผน นอกจากนี้ที่สำคัญมากๆก็คือต้องรู้จักวิธีเพิ่มพลังและรักษาพลังของตนด้วย ให้รู้ว่างานแบบใด คนแบบใดที่ทำให้ท่านหมดพลังได้ง่ายมากและเป็นงานที่ทำแล้วหรือเป็นคนที่พบแล้วไม่ช่วยให้ผลงานของท่านดีขึ้น ไม่มีความสำคัญกับท่าน ว่างั้นเถอะ! ก็ให้ทำงานนั้นหรือนัดเจอคนพวกนั้นเวลาที่ท่านพลังตก เพราะใช้พลังไปก็เสียเปล่า นัดมันตอนเย็นๆใกล้เลิกงานไปเลย ทั้งตัวท่านและตัวคนที่อยากพบท่านต่างก็เหนื่อยอยากลับบ้านแล้ว จะได้ไม่ต้องใช้เวลากับท่านนานเกินต้องการ

รู้จักดูแลสุขภาพกาย สุขภาพจิต อยากทำงานชิ้นใหญ่ให้สำเร็จได้หลายๆชิ้นย่อมต้องอาศัยร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงสดชื่นแจ่มใส เรื่องของอาหารการกิน การพักผ่อนและการออกกำลังกายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญและมีผลกระทบระยะยาวกับอายุการทำงานของท่าน ตัวอย่างของคนเก่งที่ทำงานหนักแบบหามรุ่งหามค่ำจนต้องโดนหามไปโรงพยาบาลมีมากมาย อย่าบ้างานจนไม่คุ้มค่ารักษาพยาบาลนะคะ

มีวินัย ข้อนี้สำคัญที่สุดและยากที่สุดเลย ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนคือผู้ที่ไม่ทำอะไรตามแต่อารมณ์จะพาไป ปล่อยตามอารมณ์บ้างบางครั้งยามพักผ่อน แต่โดยทั่วไปจะดำเนินชีวิตในความไม่ประมาท รู้จักแบ่งเวลาทำงาน ออกกำลังและพักผ่อนอย่างเหมาะสม แรกๆที่เริ่มจัดตารางชีวิตก็จะยากหน่อยที่จะทำตามแผนที่วางไว้ ต้องฝืนใจทำไปให้ได้สัก 2-3 สัปดาห์ มันจะเริ่มชินและกลายเป็นชีวิตประจำวันที่มีแบบแผนดีอย่างยั่งยืน

รู้จักมอบหมายงาน คนที่เป็นพวกรักความสมบูรณ์แบบ ไม่ไว้ใจใคร กลัวทำงานไม่ได้ดังใจ เลยต้องลงมือทำงานเองเสียแทบทุกเรื่อง แบบนี้นอกจากจะเหนื่อยแทบตายแล้ว ยังจะได้ผลงานน้อยลงด้วย ถ้าคิดจะก้าวหน้าใหญ่โตต่อไป ต้องรู้จักมอบหมายงานให้ทีมงานทำบ้าง ต้องรู้จักพัฒนาพวกเขาให้มีความสามารถและมีวิจารณญาณที่จะทำงานให้ได้ดี การจะพัฒนาคนเป็นเรื่องต้องใช้เวลา แต่ถ้าทำได้ดีจะได้ผลคุ้มค่ากับเวลาที่ท่านใช้ในการพัฒนาพวกเขา ทั้งนี้อย่าลืมนำเคล็ดลับเรื่องการบริหารพลังงานที่นำเสนอข้างต้นไปถ่ายทอดให้รู้น้องด้วย เขาจะได้รู้จักวิธีทำงานที่สร้างผลงานให้กับตัวเขาและทีมงานของท่านอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ท่านเป็นผู้นำทีมสร้างผลงานสูงอย่างเต็มตัวเลยค่ะ