เสียงระฆังวัด ... ความศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณ ของชาวพุทธ !

เสียงระฆังวัด ... ความศักดิ์สิทธิ์ทางจิตวิญญาณ ของชาวพุทธ !

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธา .. ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวเรื่องคอนโดกับวัดมีปัญหา ด้วยเสียงระฆังเป็นเหตุ กลายเป็น Talk of the town

จนมีดำริลอยลมมาว่า.. โลกสมัยใหม่ .. คอนโดตีกับวัดซะแล้ว !!

คำว่า โลกสมัยใหม่ .. ที่ขาดอารยธรรม สูญเสียความสวยงามทางจิตใจ เป็นปัญหาที่ต้องนำมาพูดถึงกันบ่อยครั้ง เมื่อเกิดพฤติกรรมจากสัตว์สังคมที่แปร่งๆ แปลกๆ ไปจากวิถีสังคมเดิม !!จนมีดำริลอยลมมาว่า.. โลกสมัยใหม่ .. คอนโดตีกับวัดซะแล้ว !! คำว่า โลกสมัยใหม่ .. ที่ขาดอารยธรรม สูญเสียความสวยงามทางจิตใจ เป็นปัญหาที่ต้องนำมาพูดถึงกันบ่อยครั้ง เมื่อเกิดพฤติกรรมจากสัตว์สังคมที่แปร่งๆ แปลกๆ ไปจากวิถีสังคมเดิม !!

จริงๆ แล้ว ปัญหาระหว่าง ๒ แนวคิด มีสืบเนื่องมาโดยตลอด แต่อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ เพราะการยอมรับในสิทธิหน้าที่ของแต่ละฝ่าย .. ไม่รุกรานก้าวล้ำต่อกัน เพื่อรักษาเสถียรภาพของตนไว้โดยคำนึงถึงเสรีภาพของผู้อื่นด้วยเช่นกัน ภายใต้กฎศาสนา กฎสังคม และกฎหมาย

ดังปรากฏในสังคมปัจจุบัน ที่แม้แต่ในดินแดนตรัสรู้ของพระพุทธองค์ /พุทธคยา ยังรายรอบด้วย มัสยิด โบสถ์ฮินดู วัดเชน ที่ต่างส่งเสียงสวด เคาะระฆัง ตีกลอง ร้องรำทำเพลงกันอย่างเต็มที่ กว่าจะยุติก็เข้าไปเที่ยงคืน โดยเฉพาะในยามทำวัตรเช้า-เย็น จะมีเสียงสวดอะซานของอิสลาม .. หรือเสียงเพลงฮินดูบูชาเทพเจ้าแผ่ก้องไปทั่ว แต่หมู่ชนก็อยู่ร่วมกันไปอย่างยอมรับซึ่งกันและกัน ท่ามกลางความแตกต่างทางความศรัทธา.. ความเชื่อ...

ดังดำริที่ลอยมาว่า “..ที่กรุงเวียนนา โบสถ์คริสต์ตีระฆังทุกเช้าวันอาทิตย์ ส่งเสียงดังกังวานไปทั่วในหลายแห่ง ไม่เห็นมีชาวบ้านชาวเมืองคนใดออกมาต่อต้านว่ากล่าวอะไรกันเลย... ..ชะรอยในสังคมบ้านเรา ไม่มีความอะลุ่มอล่วยกันแล้วหรือ..!?” จึงไม่ต้องกล่าวถึงในศาสนาลัทธิความเชื่อเดียวกัน ที่สืบสานประเพณี วัฒนธรรม และกิจวัตรสืบต่อกันมา ดังเรื่องเสียงระฆังที่บอกเวลาทำกิจวัตรของพระสงฆ์ในอาวาส และส่งสัญญาณไปถึงคนในหมู่บ้าน เพื่อเตือนสติให้ระลึกรู้กาลที่ควรแห่งการดำเนินชีวิต

เรื่องระฆังจากวัด จึงสานจิตวิญญาณชาวพุทธให้ข้องเกี่ยวกับวัดมาโดยตลอด ไม่ว่าจะตื่นขึ้นมาไหว้พระ สวดมนต์ หุงหาอาหาร สะสางกิจต่างๆ ก่อนรับอรุณ เพื่อการทำบุญใส่บาตร หรือแม้แต่ในยามกลางวันของการดำรงชีพ เสียงระฆัง เสียงกลองเพล จะย่ำบอกเวลาให้รู้กาลอันควรอยู่เสมอ จนเสียงจากระฆัง หรือ กลอง กลายเป็น นาฬิกาแห่งชีวิต ที่ไม่เคยจางหายไปจากจิตวิญญาณของชาวพุทธในแต่ละท้องถิ่น ว่ากันว่า แม้แต่ผีสางเทวดายังให้ความเคารพ เพื่อร่วมอนุโมทนาการทำวัตรของพระสงฆ์ นี่เป็นเรื่องจริง... ไม่ใช่พูดพล่อยๆ

แม้ในสังคมโลกสมัยใหม่ ก็มิใช่ว่า คนในยุคจะเลวไปเสียทั้งหมด ดังเช่น ชาวบ้านรอบวัด ยังผูกพันกับเสียงระฆัง .. เสียงพระสวดมนต์อยู่เสมอ ..วันไหนระฆังไม่ดัง .. ไม่มีเสียงพระภิกษุสวดมนต์ ชาวบ้านจะถามไถ่กันทันที .. ว่าทำไม.. เกิดอะไรขึ้น .. ที่วัดเป็นอะไร!? ...เช่นเดียวกับพี่น้องมุสลิม ที่ต้องฟังเสียงสวดอะซานจากมัสยิด หรือชาวคริสต์ ที่ต้องฟังเสียงระฆังจากโบสถ์...

ดังเหตุการณ์เมื่อ ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ขณะไปพักที่พระธาตุภูหว้าและที่พักสงฆ์คีรีวง ในเขตป่าทางใต้ ตามกิจนิมนต์ ในยามเช้าเมื่อพระตีระฆัง ก่อนออกบิณฑบาต เพื่อส่งสัญญาณแจ้งพระ-บอกญาติโยมว่าถึงเวลาแล้ว ปรากฏว่า “เสียงระฆังที่ตีออกมาจากระฆัง ฟ้องอาตมาว่า พระที่วัดนี้ละเลยการตีระฆัง ... เมื่อได้ทำการสอบถามพระภิกษุที่นั่นว่า เป็นอย่างระฆังฟ้องหรือ... ท่านยอมรับว่า จริงครับ เพราะตื่นสาย หลับสบายในป่า...” จึงได้อบรมสั่งสอนไปให้เห็นความสำคัญคุณค่าของการตีระฆัง.... เมื่อ ๘ กันยายน ๒๕๖๑ ดังลิขิตธรรมที่ว่า..

ระฆัง บอกนิมิต กล่าวฟ้องพระ ... ว่าท่านละ ไม่ค่อยตี ดังที่สอน
เสียงระฆัง ส่งเสียงเศร้า ในดงดอน ... แจ้งว่าพระ สั่นคลอน ในวินัย
เรื่องจริงนะ ที่กล่าว ไม่ตลก ... เช้าจึงถาม อย่าโกหก พึงไขขาน
พระยอมรับ ไม่ค่อยตี บอกตามกาล ... นมัสการ ยอมรับตามความจริง

(หมายเหตุ ทุกคำเป็นเรื่องจริง จากใจ .. รับรองได้)

อารยวังโสภิกขุ
เจริญพร