พลังประชารัฐ 'ประชาธิปัตย์+ทหาร'

พลังประชารัฐ 'ประชาธิปัตย์+ทหาร'

คำว่า "พลังประชารัฐ" ที่ผมโปรยหัวเอาไว้ ไม่ได้หมายถึงแค่ "พรรคพลังประชารัฐ"

ตัวไปอย่างยิ่งใหญ่ แต่ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมายเท่าน้้น แต่ยังหมายถึงโครงการ "ประชารัฐ" และ "ไทยนิยมยั่งยืน" ที่เป็นนโยบายประชานิยมของรัฐบาล "บิ๊กตู่" ด้วย

คสช.วาดหวังว่านโยบายนี้ กับจุดขายเรื่องบ้านเมืองสงบ จะเป็น "พลัง" ให้ประชาชนตัดสินใจกากบาทเพิ่มแต้มให้พรรคพลังประชารัฐในวันหย่อนบัตรเลือกตั้ง

แต่การจะพา "บิ๊กตู่" หวนคืนสู่เก้าอี้นายกฯสมัยที่ 2 ลำพังแค่เสียงสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐน่าจะไม่พอ เพราะไล่ดูรายชื่อและหน้าตาอดีต ส.ส.ที่ถูกดูดเข้าไปร่วมงานแล้ว กูรูการเมืองประเมินว่าน่าจะแชร์ส่วนแบ่งที่นั่งในสภาได้ราวๆ 60-80 ที่นั่งบวกๆ

ตัวเลขนี้เมื่อนำไปรวมกับคะแนนของพรรคการเมืองขนาดกลางและเล็กที่ปันใจให้ "บิ๊กตู่" และ คสช.ด้วยการส่ง "นอมินี" เข้าไปนั่งทำงานในทำเนียบรัฐบาล ก็เชื่อว่าน่าจะได้เสียงมากพอสำหรับการโหวตเลือกนายกฯตั้งแต่ก๊อกแรกหลังเลือกตั้ง คือ 126 เสียง บวกกับ ส.ว.250 เสียง เท่ากับ 376 เสียง (เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา 750 เสียง คือ ส.ส.500+ส.ว.250)

แต่ 126 เสียงบวกๆ ใน "สภาล่าง" หรือสภาผู้แทนราษฎร ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับการบริหารประเทศ เพราะรัฐบาลต้องมีเสียง ส.ส.เกิน 250 เสียงจึงจะทำงานได้ เหตุนี้เองภารกิจการยึดพรรคประชาธิปัตย์จากคนนอกพรรคจึงสำคัญอย่างยิ่งยวด

การดัน หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ให้ขึ้นลิฟท์สู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์จึงเกิดขึ้น โดยมีสปอนเซอร์ใหญ่จาก "คนที่คุณก็รู้ว่าใคร" เพื่อต่อนั่งร้านการันตีเก้าอี้นายกฯอีก 1 สมัยให้ "บิ๊กตู่"

นี่คือสูตรพลังประชารัฐ = ประชาธิปัตย์ + ทหาร ที่วันนี้เปิดหน้าเดิมพันกันแบบไม่ต้องเหนียมอายอีกต่อไป

ภารกิจอีกด้านของการต่อนั่งร้าน ก็คือสกัดพรรคเพื่อไทยและเครือข่ายให้ได้ ส.ส.ต่ำกว่าครึ่งสภาให้มากที่สุด โดยมีกลยุทธ์ "ใบเหลือง-ใบส้ม-ใบดำ" และการยื้อประกาศผลเลือกตั้งเพื่อดึงขาแชมป์เก่า

แต่ทั้งหมดนี้ต้องระวังประชาชนคนใช้สิทธิ์เลือกตั้งออกมาแสดงพลัง "รื้อนั่งร้าน" เพราะถ้าถึงวันนั้นคงมีคนฮัมเพลง "ก็เคยสัญญา" ของอัสนี วสันต์ และการเมืองอาจพลิกผันมี "ตาอยู่" มาคว้าพุงปลาไปกิน...ท่องชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล เอาไว้ให้ดีๆ