New Normal ต้องไม่แค่มองผ่าน

New Normal ต้องไม่แค่มองผ่าน

เมื่อไม่นานมานี้ผมได้เข้าร่วมบรรยายในงานสัมมนาที่จัดขึ้นเพื่อสร้างผู้ประกอบการร้านทองรุ่นใหม่

ที่มีความเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจและปรับเปลี่ยนในรูปแบบธุรกิจครอบครัวที่จัดโดย Ausiris Group ซึ่งผมว่ามีประเด็นที่น่าสนใจหลายประการจึงอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคผ่านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

ตอนได้รับโจทย์ผมยังสงสัยว่าจะสามารถสื่อสารได้ดีแค่ไหนเพราะธุรกิจร้านทองมีการเปลี่ยนแปลงน้อยมากเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นภายใต้ผลกระทบที่เกิดกับเทคโนโลยี เนื่องจากผู้ซื้อมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมน้อย เขาเหล่านั้นยังต้องการซื้อทองผ่านร้านตู้แดงแม้จะมีการซื้อขายผ่านออนไลน์บ้างแต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย ที่สำคัญตัวร้านทองเองที่เป็นลักษณะธุรกิจครอบครัวที่มีแนวทางปฏิบัติที่ทำสืบต่อกันมา แต่ในครั้งนี้ผมพบว่าการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นในทุกอุตสาหกรรมเพราะคนรุ่นใหม่ที่มีพฤติกรรมใหม่ทั้งในเชิงความคิดและเป้าหมายหรือที่เราเรียกว่า New Normal กำลังเปลี่ยนธุรกิจไปอย่างช้าๆ เปลี่ยนไปพร้อมกับลูกค้าที่ก็มี New Normal เป็นของตัวเองเช่นกัน

New Normal ภายใต้ลูกค้าในยุคต่อไป

ไม่ยึดติดกับความเชื่อถือผู้บริโภคเปิดรับสิ่งแปลงใหม่มากขึ้นโดยเขาเข้าใจว่าคือการโฆษณาขายสินค้าซึ่งเขารู้จักสินค้านั้นดีพอสมควรอยู่แล้วแต่เขาอยากได้ความรู้สึกอื่นที่ไม่จำเจเพิ่มเติมเช่นมีความสนุกสนานให้ความรู้ที่สอดคล้องกับความสนใจหรือกระตุ้นความรู้สึกอื่นไม่จำเป็นที่จะต้องยึดภาพลักษณ์ของสินค้ามากแต่แน่นอนว่าลูกค้าจะต้องมีความเชื่อใจพฤติกรรมใหม่จะทำให้การเปิดรับสินค้ากลายเป็นเรื่องที่เป็นตัวตนของลูกค้ามากขึ้นซึ่งไม่สำคัญนะครับว่าโฆษณาจะทำโดยใครสำคัญว่าโฆษณานั้นให้อะไร(ที่ไม่ใช่ขายสินค้า) กับเขา

ที่สำคัญผู้บริโภคจะเบื่อง่ายขึ้นเขาพร้อมจะเปลี่ยนสินค้าหรือพฤติกรรมทุกวันถ้านั้นสอดคล้องกับความต้องการส่วนตัวของเขาหรือเพียงเพราะสิ่งเก่ามันไม่เร้าใจเหมือนเดิมนี่จึงเป็นโจทย์สำคัญที่Brand จำเป็นต้นหมั่นทำให้ตัวเองแปลกใหม่ไม่ยึดกับความสำเร็จในอดีตมากจนเกินไป

New Normal ภายใต้ผู้ประกอบการยุคต่อไป

ผู้ประกอบการยุคใหม่เองก็มีNew Normal ใหม่ที่จะไม่ยึดติดกับวิธีการเดิมที่คนรุ่นพ่อประสบความสำเร็จเขาอยากจะประสบความสำเร็จไวและอยากทำอะไรที่หลากหลายความมั่นคงค่อยเป็นค่อยไปจะกลายเป็นสิ่งที่ผู้บริหารยุคใหม่คิดว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญรองลงมาจากการทำอะไรแปลกใหม่และสร้างรายได้อย่างรวดเร็วดังนั้นแนวทางการทำธุรกิจเราจะเห็นการแตกBrand ใหม่จากBrand เดิมมากมายเห็นสินค้าใหม่ที่อาจจะขายอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆและเปลี่ยนสิ่งใหม่เมื่อเขาพบแนวทางที่ดีกว่าหรือเชื่อว่าสินค้าใหม่จะขายได้ดีกว่าซึ่งก็สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่ชอบลอง

พฤติกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นภายใต้สภาพแวดล้อมที่หลอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงทางสังคมรวมถึงต้นแบบที่คนยึดถือจะกลายเป็นแนวทางของการทำธุรกิจยุคใหม่ที่ผู้ประกอบการรุ่นเดิมต้องไม่มองผ่านเพราะท้ายที่สุดคุณไม่สามารถที่จะถือธุรกิจและผู้ขาดการบริหารได้ตลอดไปเราจำเป็นต้องเข้าใจและให้พื้นที่กับความคิดใหม่เพราะนั้นคืออนาคตของธุรกิจไม่ใช่อดีต...คุณว่าจริงไหม?