ธุรกิจพลังงานที่จะเปลี่ยนไป อนาคต-การรับมือ“ปตท.สผ.”

ธุรกิจพลังงานที่จะเปลี่ยนไป  อนาคต-การรับมือ“ปตท.สผ.”

หากพูดถึงสถานการณ์พลังงานทั่วโลกในปัจจุบัน ต้องบอกว่าเปลี่ยนแปลงจากในอดีตอย่างมาก จากปัจจัยรายรอบด้าน

ทั้งการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี (Disruptive Technology) การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) การเร่งพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle) รวมถึงเทรนด์ของโลกที่ก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ และอีกหลายปัจจัยที่ทำให้อุตสาหกรรม “น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ” ต้องปรับตัวกันขนานใหญ่

แม้ว่าหลายสถาบันยังคงคาดการณ์ว่า น้ำมันและก๊าซธรรมชาติจะยังคงเป็น “พลังงานหลัก” ของโลกไปอย่างน้อยอีก 20 ปีก็ตาม แต่ด้วยวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ก้าวไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ในอนาคตเรามีแนวโน้มจะใช้น้ำมันน้อยลง และหันไปใช้พลังงานสะอาดเช่นก๊าซธรรมชาติ และพลังงานทดแทนมากขึ้น คำถามคือ แล้วบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่าง ปตท.สผ. จะปรับตัวอย่างไร?

คำตอบของ ปตท.สผ. คือการปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายของธุรกิจพลังงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต ด้วยการประเมินผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ และวางกลยุทธ์รองรับไว้เพื่อเตรียมให้องค์กรมีความพร้อมตั้งแต่วันนี้ ด้วยแนวคิด 3R ได้แก่ Reset – Refocus – Renew ซึ่งกลยุทธ์ 3R นี้ เป็นสิ่งที่เราศึกษา วางกลยุทธ์ และดำเนินการมาได้สักพักใหญ่แล้ว เพื่อ “คิดใหม่ ทำใหม่ ให้ได้ผล”

ผมขอกล่าวถึงกลยุทธ์หลังสุดเป็นอันดับแรก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญในเวลานี้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตด้านบนที่ว่ามา นั่นก็คือ Renew”

Renew” ในแบบของ ปตท.สผ. เราเริ่มจากการทำธุรกิจสำรวจและผลิตที่ทำอยู่เดิมด้วยวิธีและรูปแบบใหม่ๆ เช่นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น วันนี้เรานำ Big Data และ Digitalization เข้ามาใช้ในงานต่างๆ ของเรา เช่น การซ่อมบำรุงอุปกรณ์ การเก็บข้อมูลความดัน การสั่นสะเทือน เพื่อวิเคราะห์และประเมินแผนการปฏิบัติงาน เพื่อแก้ไขและปรับเปลี่ยนให้การปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัดเวลาและลดต้นทุนในการทำงาน

ตัวอย่างเช่น ในการซ่อมบำรุงปล่องเผาก๊าซฯ (Flare stack) ถ้าเป็นเมื่อก่อนต้องหยุดการผลิตก๊าซฯ เพื่อเข้าไปตรวจสอบ แต่วันนี้ เรานำนวัตกรรมเข้ามาใช้ โดยใช้โดรน (Drone) ที่เราพัฒนาขึ้นเอง เพื่อไปตรวจสอบการชำรุดที่ยอดปล่อง ทำให้ไม่ต้องหยุดการผลิตก๊าซฯ ช่วยลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน อีกทั้งยังปลอดภัยมากกว่า โดรนชนิดนี้เป็นแบบเดียวกับที่เรานำไปช่วยสนับสนุนการค้นหาโพรงช่องเขา และทำแผนที่ทางอากาศที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนเพื่อช่วยเหลือน้องนักฟุตบอลทีมหมูป่า ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆ ที่เราพัฒนาขึ้นมานี้ อาจเป็นอีกหนึ่งโอกาสทางธุรกิจของเราในอนาคตก็ได้

นอกจากการทำธุรกิจเดิมด้วยวิธีใหม่ ๆ โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมแล้ว Renew ในอีกมุมหนึ่งของ ปตท.สผ. ยังหมายถึงการมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ นอกเหนือไปจากธุรกิจการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน รวมไปถึงส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจต่อเนื่องด้านการรื้อถอนสิ่งติดตั้ง (Decommissioning) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติครบวงจร เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม (Gas Value Chain) เช่น ธุรกิจก๊าซ LNG หรือโรงไฟฟ้า (gas-to-power) ในประเทศที่เรามีความสามารถในการแข่งขัน หรือประเทศที่เรามีการลงทุนในแหล่งก๊าซธรรมชาติอยู่แล้ว เช่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง การมองหาโอกาสในการลงทุนในพลังงานทางเลือก (Renewable Energy) เช่น พลังงานลมและแสงแดดอีกด้วย

โดยแนวคิดธุรกิจใหม่บางเรื่องนั้นเราได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว เช่น การร่วมลงทุนกับ ปตท. ในโรงงาน LNG ที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นการสร้างฐานทางธุรกิจเพื่อรองรับการขยายการลงทุนของ ปตท.สผ. ในประเทศมาเลเซียในอนาคต

นอกเหนือไปจาก Renew เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ปรับตัว และมองหาโอกาสธุรกิจใหม่ๆ  เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมแล้ว ในขณะเดียวกัน สำหรับธุรกิจหลักอันได้แก่การสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เรายังมุ่งแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียม เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในระยะยาวและเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยกลยุทธ์ “Refocus” เน้นการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์

โดยปัจจุบัน ปตท.สผ. มุ่งแสวงหาการลงทุนใหม่ๆ เพื่อเพิ่มปริมาณสำรองปิโตรเลียมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ทั้งจากการเข้าซื้อกิจการ (Merger & Acquisition) โดยมุ่งเน้นพื้นที่ยุทธศาสตร์ ได้แก่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และตะวันออกกลาง การเตรียมแผนการสำรวจในแปลงสำรวจที่มีอยู่ของบริษัทโดยเฉพาะในประเทศไทย เมียนมา และมาเลเซีย ส่วนการสำรวจในแปลงใหม่ๆ นั้น จะมุ่งเน้นการเข้าไปในพื้นที่ที่มีศักยภาพปิโตรเลียมสูง โดยผนึกกำลังกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งเพื่อขยายการลงทุน เช่น เมื่อต้นปีที่ผ่านมาชนะการประมูลแปลงสำรวจน้ำลึก 2 แปลงในเม็กซิโก (Block 12 และ  Block 19 ในอ่าวเม็กซิโก) โดยร่วมทุนกับผู้ดำเนินการที่มีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ Petronas และ Repsol และยังชนะการประมูลแปลงสำรวจน้ำตื้น 2 แปลงในมาเลเซีย ซึ่งมีศักยภาพเป็นก๊าซธรรมชาติ รวมทั้งการเข้าซื้อสัดส่วนแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกชที่เราเป็นผู้ดำเนินการ เพิ่มเติมอีกร้อยละ 22.2222 รวมทั้ง เร่งรัดการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ระหว่างรอการตัดสินใจขั้นสุดท้าย โดยเฉพาะโครงการโมซัมบิก โรวูมา ออฟชอร์ แอเรีย วัน ในประเทศโมซัมบิก ซึ่งจะมีลูกค้าหลักในประเทศแถบเอเชียและยุโรปที่จะรับซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG  

นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังคงให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมประมูลแหล่งสัมปทานก๊าซธรรมชาติที่กำลังจะหมดอายุในอ่าวไทย 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งบงกชและแหล่งเอราวัณ โดยเชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์และความชำนาญในการสำรวจและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในแหล่งบงกชซึ่งเป็นผู้ดำเนินการมากว่า 20 ปี และดำเนินงานโดยคนไทยเกือบ 100% จะทำให้ ปตท.สผ.สามารถผลิตก๊าซธรรมชาติได้อย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ ด้วยต้นทุนที่แข่งขันได้ และให้ผลประโยชน์กับประเทศได้มากกว่า

ส่วนกลยุทธ์แรกสุดที่ผมนำมากล่าวถึงท้ายสุดก็คือ Reset นั้นเราเริ่มทำมาแล้วตั้งแต่ 2-3 ปีก่อน ด้วยการมุ่งเน้นการบริหารต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์ให้สามารถรักษาต้นทุนที่แข่งขันได้ในอุตสาหกรรม ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานและควบคุมต้นทุนการดำเนินงาน

สิ่งที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ คงช่วยให้เห็นภาพได้ว่า ปตท.สผ. มองอนาคตธุรกิจพลังงานอย่างไร และเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้าอย่างไร โดยสิ่งที่คนไทยทุกคนสามารถมั่นใจได้ก็คือ วันนี้ ปตท.สผ. บริษัทไทยของคนไทย พร้อมอย่างยิ่งสำหรับการประมูลแหล่งพลังงานที่สำคัญของประเทศ ขณะเดียวกันยังมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสำรวจแหล่งพลังงานในต่างประเทศ ควบคู่ไปกับการปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของไทยทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดย... 

สมพร ว่องวุฒิพรชัย 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)