ณ. เรือนจำจันทบุรี .. อัศจรรย์แห่งธรรม !!

ณ. เรือนจำจันทบุรี .. อัศจรรย์แห่งธรรม !!

เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา มีโอกาสรับนิมนต์ไปบรรยายธรรมให้ผู้ต้องขังในเรือนจำฟัง เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติ

ยกระดับจิตใจตามหลักธรรมในพระพุทธศาสนา เมื่อ ๑๘-๑๙ กันยายนที่ผ่านมา ตามโครงการพัชรธรรม ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ณ เรือนจำจันทบุรี โดยหลังจากจบบรรยาย สุดท้ายมีการวัดผลประเมินผลผู้ต้องขังทั้งชาย-หญิง ร่วม ๒๐๐ ชีวิต ปรากฏว่า ได้ค่าวัดผลน่าพึงใจ โดยเฉพาะการปรับเปลี่ยนทิฐิไปสู่ความเห็นตรงตามความเป็นจริงที่เป็นธรรม (ทิฎฐุชุกรรม)

การไปเรือนจำจันทบุรีในครั้งนี้ ได้เห็นพัฒนาการของทุกคนที่เข้าร่วมโครงการฯ ว่ามีสุขภาพจิตดีขึ้นกว่าเดิมมาก มีทัศนคติทั้งต่อตนเองและสังคมปรับเปลี่ยนไปในทางบวกในแต่ละระดับความรู้ ที่สามารถนำไปสู่ความเข้าใจที่ถูกต้อง เพื่อออกมาจากปัญหาคือความรู้ที่ไม่ถูกต้องได้ จะได้นำความรู้ไปพัฒนาจิตให้ใสสะอาดบริสุทธิ์ เพื่อการดำรงอยู่ในอารมณ์ที่เป็นกุศลธรรม ก่อเกิดประโยชน์สุขได้จริง ด้วยองค์คุณสติปัญญาที่รองรับด้วยสมาธิ ที่จะนำไปสู่การพิจารณาโดยแยบคาย จนสามารถรู้เท่าทันความจริงในทุกระดับชั้น จนสามารถเข้าถึงปรมัตถสัจจะซึ่งเป็นความจริงที่อยู่นอกเหนือวิสัยของประสาทสัมผัส และความจริงอันประเสริฐคืออริยสัจธรรมได้

สิ่งที่สำคัญที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในชีวิต ได้แก่ การเรียนรู้ตามหลักธรรมด้วยการยึดหลักศึกษาปฏิบัติด้วยตนเอง ด้วยศรัทธาจิต ที่จะนำไปสู่วิริยะ สติ ปัญญา โดยหัวใจของการเรียนรู้เพื่อการสัมฤทธิผลตามจุดมุ่งหมาย คือ การสอนที่เป็นกรรมวิธีเร้าให้ผู้เรียนเกิดความรู้ ตั้งแต่ระดับต่ำสุดมาถึงสูงสุด โดยมีเทคนิคต่างๆ ในการสอน เพื่อปรับสภาพจิตใจให้บันเทิงรื่นเริงปีติยินดี โดยใช้สำนวนโวหารเล่าถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ส่อไปในทางการสร้างอารมณ์ขันอย่างมีสารธรรม เพื่อยกจิตขึ้นมาจากความหดหู่ในบางครั้ง หรือจะต้องเร้าให้เกิดความกลัว เพื่อกดข่มจิตไว้ จะได้ปฏิบัติตามคำสอนโดยเคารพ และรู้จักปล่อยวาง เมื่อสบช่องพอเหมาะ.. โดยยึดหลักคำพูดที่เป็นสัจธรรมเป็นสำคัญ...

การเรียนรู้เพื่อเข้าถึงตัวปัญหา เพื่อจะได้รู้จริงในเหตุของปัญหานั้นๆ จะได้นำไปสู่การแก้ไขอย่างถูกวิธี จึงเป็นธรรมลักษณ์ที่เป็นเอกภาพของพระพุทธศาสนา ด้วยนิยามที่ว่า “ทุกปัญหาแก้ไขได้ .. ดับได้ด้วยปัญญา..” ดังนั้นวิธีการพิจารณาโดยแยบคาย เพื่อการรู้แจ้งจริง จึงเป็นวิธีการแห่งปัญญาเฉพาะในพระพุทธศาสนาที่ควรศึกษาให้เข้าใจอย่างยิ่ง ในธรรมวิธีแห่งการสร้างปัญญาให้เกิดขึ้น จากการรู้จักคิดพิจารณาโดยแยบคาย ที่เรียกว่า โยนิโสมนสิการวิธี...

จึงไม่แปลกที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาชีวิต หรือจะเกิดการปรับเปลี่ยนจิตได้อย่างปาฏิหาริย์ ดังปรากฏกับผู้ต้องขังที่เข้าร่วมศึกษาปฏิบัติในโครงการพัชรธรรม ... ในโครงการกำลังใจตามพระดำริฯ ที่รับการสรุปผลจากการประเมินผลเมื่อ ๑๙ กันยายนที่ผ่านมา ความสุขในชีวิตจึงเกิดมีขึ้นได้อย่างไม่ยากลำบากเกินการกระทำ แม้จะต้องอยู่ภายใต้การจองจำ คุมขัง ด้วยความเป็นอิสรภาพทางจิตวิญญาณที่เกิดจากการรู้เข้าใจในธรรม ที่สามารถปลดปล่อยความวิตกกังวลหวาดกลัว ความทุกข์ใจ เสียใจ คับแค้นใจ ออกไปได้ ...แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็สามารถคิดเป็น คิดถูกวิธี คิดมีเหตุผล และคิดเป็นกุศล ได้ดีกว่าแต่ก่อนมา ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยในสารธรรม... จึงไม่แปลกที่ได้เห็นภาพความสงบนิ่งจากการเจริญสมาธิ การสวดมนต์ เสียงดังชัดเจน ถูกต้องตามอักขระวิธี-ทำนองวิธี จนนึกว่า นั่งอยู่ในศาลาปฏิบัติธรรมที่วัด ที่พรั่งพร้อมไปด้วยภิกษุและสาธุชนผู้ถึงพร้อมด้วยธรรม

การเดินทางไปบรรยายธรรมและเยี่ยมเยียนผู้ต้องขังในเรือนจำครั้งนี้ จึงนำมาสู่ปีติยินดีที่ได้เห็นคนจำนวนหนึ่งที่เคยจมอยู่กับความทุกข์โศกเศร้า กลับคืนมามีชีวิตชีวา.. จนลืมไปว่า... นี่คือสถานที่กักขังบุคคลที่ถูกลงโทษตามกฎหมาย ที่เรียกว่า.. เรือนจำ!!

เจริญพร