แนวคิดนักกอล์ฟ กับนักลงทุนในหุ้น

แนวคิดนักกอล์ฟ กับนักลงทุนในหุ้น

ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวไม่รุนแรงมากนัก และยังคงแข็งแกร่งว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน

ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวไม่รุนแรงมากนัก และยังคงแข็งแกร่งว่าตลาดหุ้นเพื่อนบ้านรอบตัวเราอย่างเช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลมาจากตัวเลขเศรษฐกิจ และโครงสร้างเงินทุนของไทยที่พี่งพาเม็ดเงินต่างชาติในสัดส่วนที่น้อยกว่าเพื่อน

นักลงทุนมักหลึกเลี่ยงความผันผวนอันไม่พึงประสงค์จากราคาหุ้น แต่นักเก็งกำไรจะโปรดปรานการแกว่งตัวผันผวนของราคาหุ้นที่สูง เนื่องจากเขาเหล่านั้นมั่นใจในการตัดสินใจว่าสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของความผันผวนจากราคาหุ้นได้

ช่วงนี้ถือว่าเป็น low season ของการออกรอบกอล์ฟ เนื่องจากฝนตกต่อเนื่องเกือบทุกวัน ทำให้ผมมีเวลาเปิดดูโฆษณาชุดกอล์ฟที่ลดราคาก่อนที่จะเข้าสู่ฤดูกาลหน้าซึ่งชุดเหล็ก และไดเวอร์รุ่นใหม่ๆจะออกขายสู่ตลาด สิ่งที่ดูจะเตะตาผมมากคือ การโฆษณาไดเวอร์ต่างๆ ซึ่งจะเน้นเรื่อง forgiveness ปัญหานักกอล์ฟคือ อาการที่เราสวิงไม้กอลฟบนแท่น ทีออฟ แล้วจังหวะหน้าไม้ปะทะลูกกอล์ฟได้ไม่แม่นยำ ผลคือ ลูกกอล์ฟจะวิ่งเข้าป่า เข้าพุ่มไม้ ซึ่งเป็นการลงโทษนักกอล์ฟ และทำให้เสียแต้มได้หากนักกอล์ฟท่านนั้น ฝีมือไม่เก่งกล้ามากพอที่จะแก้ปัญหาอุปสรรคออกมาได้ดังนั้น forgiveness ที่ดีจะช่วยนักกอล์ฟไม่ให้ตีหลุดแฟร์เวย์เข้าอุปสรรคตกน้ำ ตกทราย เข้าป่า มากนั่นเอง

ย้อนกลับไปหลายปี ไดเวอร์ ส่วนใหญ่จะเน้นการตีไกลได้ระยะเป็นจุดขายส่วนใหญ่ เพราะนักกอล์ฟวีคเอน ปรารถนาอยากตีลูกกอล์ฟได้ไกลอย่างนักกอล์ฟอาชีพหลายคนในดวงใจ แต่การตีลูกกอล์ฟให้ไกลมักจะตามมาด้วยความเสี่ยง ความไม่แน่นอน แต่ปัจจุบัน บริษัทผลิตไม้กอล์ฟ เน้นไม้กอล์ฟให้ตีง่าย และผิดพลาดไม่มาก แทนที่จะเน้นตีไกลอย่างเช่นแต่ก่อน เพราะการผิดพลาดที่น้อย สุดท้ายจะพาท่านนักกอล์ฟไปสู่เป้าหมายคะแนนต่ำลง

หากเรานำความคิดนี้มาประยุกธ์ใช้กับโลกการลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้น นักลงทุนส่วนใหญ่ต้องการผลตอบแทนที่สูง เพื่อหวังสร้างพอร์ตลงทุนให้โตเร็วๆ เหมือนที่ท่านได้อ่านจากหนังสือการลงทุนในท้องตลาดที่สามารถสร้างเงินได้หลายล้านบาทในเวลาสั้น ซึ่งก็เหมือนท่านซื้อไม้กอล์ฟที่ต้องการเน้นตีไกล ได้ระยะทาง แต่ลืมไปว่า เราไม่ได้มีความสามารถเช่นนักกอล์ฟอาชีพ แล้วเมื่อเราตัดสินใจลงทุนในหุ้นที่ซิ่งๆ หรือ เสี่ยงๆ โดยไม่ได้เตรียมตัวแก้ไขหากเผชิญปัญหา ราคาหุ้นดิ่งรวดเร็ว สุดท้าย นักลงทุนก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายลงทุนที่ตั้งใจไว้ หรือ จบด้วยการขาดทุนอย่างมากมาย

ฉะนั้น การคัดหุ้นที่มีกำไรและจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง โดยที่ค่าพีอี หรือ ราคาเทียบกำไรต่อหุ้นไม่สูงเกินตลาดมากไป (ค่าพีอีตลาดหุ้นเฉลี่ย 15-16 เท่า) ก็เสมือนเราซื้อไม้กอล์ฟที่ไม่เน้นตีไกล แต่เมื่อผิดพลาดจะถูกลงโทษ ไม่รุนแรง ความเสี่ยงจากลงทุนไม่มาก และราคาหุ้นสามารถตีกลับเกินทุนเราได้ เนื่องจากบริษัทเหล่านั้นสามารถบริหารจัดการธุรกิจและสร้างกำไรให้เติบโตได้ พอร์ตลงทุนก็ท่านก็จะค่อยๆเติบโตได้

ในทางตรงกันข้าม นักลงทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นที่เน้นราคาหุ้นวิ่งเร็ว แต่ไม่ทราบบริษัททำธุรกิจใด กำไรเป็นอย่างไร แน่นอนมั้ย หรือ บริษัทที่ซื้อขายบนค่าพีอีที่สูงไม่สมเหตุสมผล เงินปันผลไม่มีหรือน้อย เน้น story เป็นที่ตั้ง เวลาเกิดข้อผิดพลาด นักลงทุนอาจเสียหายมาก หากเราไม่ใช่นักลงทุนที่กล้าตัดสินใจเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ก็เสมือนนักกอล์ฟที่เน้นตีไกล (ไกลผู้ ไกลคน ไกลแฟร์เวย์) แต่ไม่เก่งเมื่อเผชิญปัญหา นักลงทุนก็จะประสบผลสำเร็จได้ยาก เพราะหุ้นที่พื้นฐานไม่แข็งแกร่ง หรือ ซื้อขายบนค่าพีอีสูงเกิน ราคาหุ้นสามารถร่วงลงได้ถึง 70% เมื่อนักลงทุนรายใหญ่ออก สถิติชี้ให้เห็นว่า 80% ของหุ้นเหล่านี้ ราคาหุ้นไม่สามารถกลับขึ้นไปได้อีกเลยในช่วง 3-5 ปี

ซึ่งสอดคล้องกับผู้แข่งขันกอล์ฟที่เน้นตีไกล มักไม่ได้ถ้วยรางวัลรายการแข่งขัน เฉกเช่นเดียวกัน หากนักลงทุนต้องการสร้างพอร์ตของท่านให้เติบโตอย่างยั่งยืน ไม่ควรเน้นหุ้นที่คาดว่าจะสร้างผลตอบแทนให้มากๆโดยปราศจากเหตุผลด้านงบการเงิน เพราะท่านก็จะไม่ต่างกับนักกอล์ฟที่เน้นตีไกล แต่ไม่เคยชนะ ได้ถ้วยรางวัล ฉันใดฉันนั้นครับ