ถ่ายเลือดดีเอสไอ

ถ่ายเลือดดีเอสไอ

คำสั่งโยกย้ายรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) 2 รายซ้อนๆ ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่า ภายในองค์กรดีเอสไอ เสียขวัญไปตามๆ กัน

ผมทราบว่า การโยกย้ายตำรวจหรือผู้มียศนำหน้าจะไม่หยุดอยู่แค่ พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รับผิดชอบงานบริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง เป็นองค์กรชั้นนำด้านการสืบสวนสอบสวนที่มีมาตรฐานในระดับสากล รับผิดชอบคดีทลายเครือข่ายธรรมกาย พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล ผู้เชี่ยวชาญคดีบุกรุกทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งคดีวาเลนติโน่ ที่เกาะยาว จ.พังงา คดีเขาแพง เกาะสมุย คดีบ้านดาวล้อม ของเสี่ยบุญชัย เบญจรงคกุล คดีเกาะนาคาน้อย จ.ภูเก็ต คดีบุกรุกอุทยานสิรินาถ ทวงคืนหาดเลพัง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ล่าสุดคดีรังเย็น บุกรุกป่าอ.ด่านซ้าย อ.ภูเรือ จ.เลย ของเจ้าสัวเปรมชัย กรรณสูต จำเลยคดีร่วมกันล่าเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร

2รองอธิบดีถือว่า “ไปได้ดี กันทั้งคู่” พ.ต.ต.สุริยา ไปเป็นรองเลขาธิการ ป.ป.ส. ส่วนพ.ต.ท.ประวุธ ไปเป็นรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

ตามโครงสร้างดีเอสไอ จะไม่ให้ดีเอสไอเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) สาขา 2 เป้าก็คือ ให้ดีเอสไอ มีตำรวจแค่ 30% จากปัจจุบันมีมากกว่าเป้า 2-3 เท่า

คำถามคือ ใครจะเป็นรายต่อไป ณ ตอนนี้ เหลือพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดี กับ 2 รองอธิบดี คือ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร 1 ใน 2 ต้องขยับขึ้นไปเป็นผู้ตรวจราชการประจำกระทรวง จะเหลือรองอธิบดีที่เป็นตำรวจ 1 คน

ระลอกต่อไป คือ การย้ายระดับผู้อำนวยการสำนัก จากตอนนี้มีผอ.กอง เพียงคนเดียวที่ไม่มียศนำหน้า แนวทางคือ เปิดโอนกลับสตช. โดยสมัครใจ เมื่อพ้นกำหนดจะเกลี่ยไปตามกรมต่างๆ ในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ไม่มีใครรู้ว่าใครจะได้ไปอยู่ไหน

ผมไม่เชื่อว่า การย้ายรองประวุธ เป็นเพราะมีการวิ่งเต้นจากนักธุรกิจผู้เสียประโยชน์จากการทำคดีตรงไปตรงมาของพ.ต.ท.ประวุธ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเรากลับสู่ยุคมืดข้าราชการไทย

แต่จากการพูดคุย รองประวุธ บอกว่า ไปได้ดีและมีสิ่งที่อยากทำที่กรมราชทัณฑ์ คิดเอาไว้แล้วว่า จะเข้าไปปราบปรามแก๊งอาชญากรรมในกลุ่มนักโทษ โดยจะเชื่อมฐานข้อมูลอาชญากร กับหน่วยบังคับใช้กฎหมาย กวาดล้างอาชญากรรมในประเทศ ให้หมดไป

คนจะไป ก็คิดงานที่จะทำไว้ล่วงหน้า แต่สำหรับคนที่จะมาและคนที่เหลืออยู่ในดีเอสไอ ที่ยังเสียขวัญอยู่ จะสานต่องานอย่างไรไม่ให้สะดุด เป็นโจทก์ใหญ่การถ่ายเลือดดีเอสไอ หนนี้