เรื่องปากเรื่องท้อง
ผมเพิ่งกลับจากภูเรือ เมืองเลย ชีวิตผู้คนเรียบง่าย ทำกินกันไปตามวิถี ยามเช้าก็ออกมาจับจ่ายหาของกินที่ตลาดสดกันคึกคัก
หลายอาทิตย์ก่อน ไปเมืองเพชรบุรี ก็เห็นคนประกอบกิจการร้านค้าหน้าใส ร้านรวงมีคนเข้าไปจับจ่ายซื้อของหนาตา
ส่วนเดือนก่อน ไปเมืองเหนือมา ผู้คนก็ก้มหน้าก้มตาประกอบสัมมาชีพ ทำมาหากินกันตามวิถี
ผมเรียกว่า “วิถีไทย” สมดังว่า เมืองไทยนี้ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ไม่เคยจะอดอยากปากแห้ง
ชาวบ้านประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัว มีกินมีใช้ พออยู่ตามประสา พวกเขาไม่รู้หรอก จีดีพีคืออะไร พวกเขาไม่เคยเรียกหาประชาธิปไตย ไม่เคยเรียกหาการเลือกตั้ง เพราะมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของพวกเขาอย่างแท้จริง
การเลือกตั้ง เป็นเรื่องของคนกลุ่มเดียว ที่คิดว่า มันเป็นยาหม้อใหญ่ จะเปลี่ยนแปลงชีวิตพวกเขาได้ เพราะเชื่อว่า การเลือกตั้งจะนำมาซึ่งอภิสิทธิ์ชน และผลประโยชน์ส่วนตน
ผมลองนั่งคุยกับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรปราบปรามคอร์รัปชัน เขาบอกว่า เมื่อไล่ย้อนกลับไปตรวจสอบเรื่องโกง ปรากฏว่า มันล้วนมาจากนักการเมือง เรื่องจำนำข้าว เรื่องสนามฟุตซอล เรื่องกองทุนพัฒนาการศึกษา เรื่องปัญหาการออกเอกสารสิทธิที่ดิน เรื่องจิปาถะ มันล้วนหมักหมมมาจากรัฐบาล ผู้คาบคัมภีร์ประชาธิปไตย
เรื่องจำนำข้าว ชาวนาได้อะไร เมื่อหักลบคูณหารต้นทุนทำนากับราคาจำนำ 15,000 บาท เพราะทุกวันนี้ ไม่มีโครงการจำนำข้าว ส่วนต่างต้นทุนกับกำไรมันเท่าๆ กัน
เรื่องสนามฟุตซอล ตอนนี้เป็นปลักควาย เป็นเศษปูนกลางป่า ชาวบ้านเขาได้อะไร
ดังนั้น ปัญหาปากท้องมันจึงเป็นเรื่องของการพึ่งตนเอง อย่างอมืองอเท้ารอเศษเนื้อข้างเขียง จากพวกนักการเมืองเลย