ขยะพลาสติกคือมหันตภัย

ขยะพลาสติกคือมหันตภัย

ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่สิ่งของที่ทำจากสารสังเคราะห์พลาสติก ไม่ว่าแปรงสีฟัน นาฬิกาปลุก ขวดน้ำ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ

ทุกสิ่งที่มีส่วนประกอบของสารเคมี วันหนึ่งก็จะแตกสลายย่อยเป็นผงเล็กมากจนมองไม่เห็นกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าในอากาศอยู่ในอาหาร ผัก ผลไม้ เนื้อปลา ไก่ ฯลฯ ที่น่ากังวลก็คือ ยังไม่รู้ว่ามันมีผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์มากเพียงใด

microplastic (เส้นผ่าศูนย์กลางเล็กกว่าครึ่งเซ็นติเมตร)และnano-plastic (1 nano เท่ากับ 1 ส่วน 1,000 ล้านของเมตร) คือ ชิ้นส่วนของพลาสติกที่เล็กมากๆ จนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ละอองพลาสติกเหล่านี้ที่อาจเป็นภยันตรายอย่างใหญ่หลวงแก่มนุษยชาติล้วนมาจากขยะพลาสติกที่กำลังล้นโลกโดยเฉพาะเอเชียอยู่ในปัจจุบัน

ในจำนวนแม่น้ำ 10 สาย ที่มีสภาวะมลพิษมากที่สุดในโลก (เรียงลงไปจากมากที่สุดคือ แยงซี คงคา สี ฮวงโห คลอส แบรนทัส อเมซอน ปาสิก อิระวดี และโซโล) 8 สายอยู่ในเอเชีย (คลอสอยู่ในอาฟริกาอเมซอนอยู่ในอเมริกาใต้)

แม่น้ำ 10 สายนี้ รวมกันปล่อยขยะพลาสติกถึง 1 ใน 4 ของโลก ลงทะเลและมหาสมุทรในที่สุด (ทั้งโลกทิ้งขยะพลาสติกลงมหาสมุทร 8-13 ล้านตันต่อปี) ทำลายสิ่งมีชีวิตรวมกันมีมูลค่าปีละ ไม่ต่ำกว่า 13,000 ล้านเหรียญ

สถิติจากองค์กรระหว่างประเทศระบุว่า กว่า 80% ของขยะพลาสติกที่ทิ้งลงมหาสมุทรมาจากเอเชีย ซึ่งเป็นบริเวณที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างมาก ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นผู้ร้ายในเรื่องปล่อยขยะพลาสติกลงมหาสมุทร กลุ่ม Ocean Observatory ระบุว่า ในปี 2017 จีน อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์และไทย รวมกันทิ้งขยะพลาสติกลงมหาสมุทรมากกว่าที่เหลือทั้งโลกรวมกัน

สาเหตุที่ขยะพลาสติกส่วนใหญ่ไปอยู่ในมหาสมุทร ก็มาจากการที่ประเทศเหล่านี้ขาดความสามารถในการกำจัดขยะ ส่วนใหญ่ท้องถิ่นเป็นผู้ดำเนินการโดยมีทรัพยากรและความรู้จำกัด จึงกองทิ้งไว้หรือฝังกลบไม่ดีการเผาทำลายมีน้อยมาก เมื่อฝนตกโดยเฉพาะจากมรสุมก็จะทำให้ดินที่กลบ ไว้ถล่ม ฝนพัดพาขยะพลาสติกซึ่งมีอยู่มหาศาลลงสู่ลำคลองไหลลงสู่แม่น้ำทะเลและจบลงที่มหาสมุทร

สิงคโปร์เฉลี่ยใช้ถุงพลาสติก 13 ใบต่อคนต่อวัน และหลอดกาแฟพลาสติก 2.2 ล้านหลอดต่อวัน ส่วนไทยใช้ถุงพลาสติก 8 ใบต่อคนต่อวัน เพียงแค่กรุงเทพฯแห่งเดียวใช้ถุงพลาสติก ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านถุงต่ออาทิตย์ ใน 1 ปี คนกรุงเทพฯใช้ประมาณ 26,000 ล้านถุง

ไทยมีขยะประมาณ 27 ล้านตันต่อปี จัดการกำจัดฝังกลบและเผาได้เพียง 2 ใน3 ที่เหลือค้างสะสม มีการประเมินว่าขยะเหล่านี้ไหลลงทะเลไม่ต่ำกว่า 60,000 ตันต่อปี และส่วนหนึ่งในนี้คือพลาสติก

ที่หนักไปกว่านี้ของเอเชียก็คือ e-waste หรือขยะจากอุปกรณ์ไอทีทั้งมวลไม่ว่า สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ แบตเตอรี่ตลอดจนอุปกรณ์ประกอบทั้งหลายซึ่งฉาบด้วยสารเคมี จีนเป็นประเทศที่นำเข้าจากยุโรปและอเมริกามาหลายปี เป็นลูกค้าใหญ่สุดของโลกธุรกิจแยกชิ้นส่วนออกเป็นวัสดุเพื่อขายอีกต่อหนึ่งนั้น เป็นการเพิ่มขยะพลาสติกอย่างมาก ปัจจุบันจีนได้ห้ามนำเข้าเด็ดขาด ดังนั้นจึงมาทะลักเพิ่มที่ไทยและมาเลเซียเป็นพิเศษ ปัจจุบันทางการไทยห้ามนำเข้าe-wasteทั้งหมดแล้ว

ของใช้ทุกชิ้นที่มีส่วนประกอบของสารสังเคราะห์พลาสติกจะกลายเป็นละอองพลาสติกในที่สุด มันจะเลวร้ายมากยิ่งขึ้นสำหรับการย่อยสลายในมหาสมุทรเพราะจะทำลายสิ่งมีชีวิตโดยตรง(ปลากินถุงพลาสติกจนตาย)มีการคาดคะเนว่า หากสภาพเป็นเช่นนี้ ก่อนปี 2050 สิ่งมีชีวิตในทะเลไม่ต่ำกว่า 600 ชนิดจะถูกกระทบ วัสดุสังเคราะห์จากสารเคมีเหล่านี้จะไปอยู่ในห่วงโซ่อาหาร เมื่อมนุษย์กินเข้าไปไม่ว่าจะเป็นหอย ปู ปลา หรือสัตว์จากทะเล ก็จะไปอยู่ในร่างกาย

มีการพบละอองพลาสติกในน้ำ เบียร์น้ำผึ้งหรือแม้แต่เกลือจากทะเล การสำรวจของกลุ่ม Greenpeace พบ micro-plastic ในน้ำแข็ง น้ำทะเลหิมะที่ขั้วโลกใต้ (Antarcticaซึ่งถือกันว่าแสนจะสุดโลก)อีกทั้งพบก้อนขยะน้ำแข็งอีกด้วย

ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกหรือส่วนผสมของพลาสติกมีมานานแล้ว ผู้ที่ตั้งชื่อว่า plastic คือ Leo Bakelite ชาวอเมริกัน ผู้คิดค้นสร้างสารสังเคราะห์พลาสติกจากน้ำมันใน ปี 1907 ก่อนหน้านั้นในปี 1897 มีผู้สร้างสารสังเคราะห์แนวพลาสติกจากวัสดุธรรมชาติ

พลาสติกกลายเป็นสิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้เมื่อต่อมามีการผลิตสารใหม่ๆ ออกมาเป็นอันมาก นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 คือ 1917 เป็นต้นมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงทศวรรษ 1940 และ 1950

พลาสติกที่ย่อยสลายได้ เพราะมิได้เป็นสารสังเคราะห์ทั้งหมดก็มี แต่ตราบใดที่มีส่วนผสมพลาสติกแล้วก็หนีไม่พ้นการสร้าง micro และnano plastic

การแก้ไขปัญหาสำคัญนี้ของโลกต้องมาจากการใช้พลาสติกน้อยลง หรือรีไซเคิลมากกว่าการกำจัดแบบเผาซึ่งช่วยสร้างภาวะโลกร้อน ที่ได้ผลที่สุดก็คือ การบริโภคน้อยลง(การใช้เสื้อผ้าที่มีใยสังเคราะห์ผสมก็คือการเพิ่มละอองพลาสติก)

ปัญหาละอองพลาสติกแก้ได้ด้วยมนุษย์ด้วยกันเองเท่านั้น ถ้าบ้านเราเพียงใช้ถุงพลาสติกน้อยลงไปวันละ 2 ใบ ก็จะลดขยะพลาสติกลงไปวันละ 120 ล้านใบ ลดละอองพลาสติกซึ่งเริ่มมีหลักฐานว่า มีผลเสียต่อสุขภาพไปอีกมากมายจนลดภยันตรายที่อาจเกิดกับสุขภาพของตัวเราเองและลูกหลานไทยไปได้อย่างมหาศาล