Fit Food Always ส่งคุณค่าถึงหน้าประตู

Fit Food Always ส่งคุณค่าถึงหน้าประตู

กระแสรักสุขภาพ ส่งผลให้คนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจดูแลตัวเองมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของการออกกำลังกายรวมถึงการเลือกบริโภคอาหารที่ดีมีประโยชน์

กลายเป็นช่องทางในการทำธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพตามมามากมายหนึ่งในนั้น คือ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆจากผู้บริโภค และเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง การเสิร์ฟอาหารแบบ เดลิเวอรี่ ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ถูกถามถึงเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายเชฟเอฟ หรือ คุณอภินันท์ เศวตวรรณกุล และคุณเบียร์ หรือคุณปรียาภัสสร์ เศวตวรรณกุล เจ้าของ Fit Food Always เล่าว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากการที่คุณเบียร์อยากรับประทานคลีนฟู้ดประกอบกับการลดน้ำหนัก

เชฟเอฟจึงได้นำประสบการณ์ด้านการครัวมาเริ่มทำอาหารอย่างจริงจัง อาหารกล่องสีสันน่ารับประทานชวนให้เพื่อนๆของคุณเบียร์อยากทาน มีการpost ภาพอาหารผ่านทาง Social Mediaทำให้คนที่อาศัยในคอนโดเดียวกันเห็น และเริ่มมาสั่งทานบ้าง

จากการทำทานกันเองเปลี่ยนไปเป็นธุรกิจขยาดย่อมๆอย่างรวดเร็วและกลายเป็นการจัดตั้งบริษัท FitFoodAlways ในที่สุด ปัจจุบันธุรกิจก้าวเข้าสู่ปีที่ 6 แล้ว Fit Food Always มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพ

ด้วยการใช้เครื่องปรุงเกือบ 80% เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์ จัดส่งถึงลูกค้าวันต่อวันส่วนรสชาติ จุดเด่นของ Fit Food Always คือ ปกติแล้วผู้บริโภคส่วนใหญ่มักคิดว่าอาหารคลีนหรืออาหารเพื่อสุขภาพจะไม่อร่อย เชฟเอฟจึงเอา Pain มาสร้าง Gain ให้กับลูกค้า โดยปรับเปลี่ยนอาหารให้ได้รูปแบบอาหารหน้าตาใหม่ๆ เพื่อกระตุ้นความอยากอาหาร 

ปัจจุบันFitFoodAlwaysมีบริการ คอร์สอาหารเพื่อสุขภาพพื้นฐานทั้งหมด 3 คอร์ส โดยแบ่งตามความต้องการของลูกค้า เนื่องจากลูกค้าที่หันมาดูแลสุขภาพมีจุดประสงค์ ในการรับประทานที่แตกต่างกัน ทั้งทานเพื่อดูแลสุขภาพทานเพื่อลดน้ำหนัก และทานเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ เพื่อทำให้แต่ละคอร์สอาหารตอบโจทย์แต่ละกลุ่มลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกเหนือจากนั้นจุดเด่นสำคัญอีกประการอยู่ที่ การให้ความสำคัญกับคุณภาพ โดยเชฟเอฟเลือกที่จะลงสนามค้นหาวัตถุดิบที่มีประโยชน์และมีคุณภาพด้วยตนเองเสมอ ตัวอย่างเช่น มีการจัดทำ “โครงการผูกปิ่นโตข้าว” เพื่อให้ได้ข้าวไรซ์เบอร์รี่ออร์แกนิก ให้ลูกค้าได้ทานเพื่อให้ลูกค้ามั่นใจถึงคุณภาพได้ว่าอาหารทุกมื้อเปี่ยมไปด้วยคุณประโยชน์และหาจากคู่ค้ารายอื่นไม่ได้ ไม่ใช่เพียงแต่ลูกค้าที่ได้รับความพึงพอใจ แต่สิ่งนี้ยังช่วยแก้ปัญหาให้ชาวนาที่ได้ราคาข้าวที่ไม่เป็นธรรมจากพ่อค้าคนกลางอีกด้วย

การสร้างประสบการณ์ให้กับลูกค้าเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แตกต่างของ FitFoodAlways กับคู่แข่ง โดยการจัดสอนการทำอาหาร ทำให้ลูกค้าเห็นว่า FitFoodAlwaysใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ใส่ใจในทุกขั้นตอนการปรุงอาหารอย่างมีมาตรฐาน และมีนักโภชนาการมืออาชีพคอยให้คำแนะนำตลอดเวลา กลยุทธ์นี้ถือเป็นการสื่อสารให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่น เชื่อถือและไว้วางใจในคุณภาพอาหารของแบรนด์เพิ่มมากขึ้น

FitFoodAlways ไม่ได้หยุดเพียงแค่การส่งอาหารกล่องหรือการสอนการทำงานเท่านั้น แต่ยังเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ “Kitchen Studio”ห้องครัวมินิไซส์ในบรรยากาศแสนอบอุ่นสไตส์ชิโน-โปตุเกส พร้อมอุปกรณ์ครัวน่ารักๆเพื่อการสอนทำอาหารและพบปะกับลูกค้าเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน อีกหนึ่งช่องทางเพื่อเพิ่มความสัมพันธ์อันดีระหว่างลูกค้าและบริษัทอีกตัวอย่างของการไม่หยุดนิ่งของ FitFoodAlways คือการสั่งอาหารจากแบรนด์อาหารเพื่อสุขภาพรายอื่นๆในตลาดมารับประทานอยู่เสมอ เพื่อเป็นการศึกษาเทรน และ คลอสการจัดส่งอาหารที่มีอยู่ในตลาดปัจจุบันเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอาหารเพื่อสุขภาพของตนให้ดียิ่งขึ้น มีความหลากหลายและตอบโจทย์ความชอบของลูกค้ามากขึ้นทั้งนี้ก็เพื่อหาช่องทางในการสร้างความแตกต่างจากคู่ค้ารายอื่นๆในตลาดตลอดเวลา

กรณีศึกษาของ FitFoodAlways สะท้อนให้เห็นว่า การทำธุรกิจซึ่งอิงกับกระแสนั้น การปรับตัวเป็นหัวใจสำคัญ เมื่อ 6 ปี อาหารสุขภาพอาจเป็นตลาดที่มีผู้เล่นอยู่ไม่กี่ราย แต่ในปัจจุบัน แม้จำนวนผู้บริโภคจะเพิ่มขึ้นแต่คู่แข่งก็เพิ่มขึ้นด้วย ตัวจริงที่จะอยู่รอดได้ตลาด ต้องให้ความสำคัญกับข้อมูลของผู้บริโภคเพื่อรักษาฐานลูกค้า ข้อมูลของแข่งเพื่อนำเสนอสิ่งใหม่ๆให้กับลูกค้า 

เรียกว่า จะอยู่รอดได้ ต้องทั้ง ถูกหลักและ ถูกใจ” ในเวลาเดียวกัน

---------------------------

เครดิตกรณีศึกษาและการสัมภาษณ์ คุณอภินันท์ และคุณปรียาภัสสร์ เศวตวรรณกุล โดย ภัคจิรา จรุงธนะกิจ ,ณัฐวรา โบพานิชย์ ,ภัสราวรรณ วงษ์จตุรพิธพร ,กมลเนตร เผือกผ่อง,ฟ้าใส ซอประเสริฐ, ณัฐินี ศรีรักษาวงษ์ และสุพิชชา เต็นเกิดผล นักศึกษาปริญญาโท วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU)