การปฏิรูปการทำงานในยุคดิจิตัล

การปฏิรูปการทำงานในยุคดิจิตัล

ในยุคดิจิตัล งานหลายๆอย่างของมนุษย์ถูกแทนที่ด้วยเครื่องจักรกระบวนการในการทำงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม มีการใช้เทคโนโลยี automation

เข้ามาทำให้ขั้นตอนการทำงานเร็วขึ้น ง่ายขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น การปฎิรูประบบงานโดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ทำให้เกิด waste ในระบบน้อยลง ลดการทำงานที่ซ้ำซ้อน และให้เวลากับการวางแผนและการคิดสร้างสรรค์ได้มากขึ้น Internet และระบบสื่อสารที่ทันสมัย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการทำงาน ในปัจจุบันเราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ ระยะทางไม่เป็นอุปสรรคอีกต่อไป แม้อยู่ไกลออกไปเป็นพันๆ กิโลเมตร ก็สามารถเข้าประชุมได้ทุกแห่ง ในปัจจุปันเทคโนโลยีได้พัฒนาไปอีกขั้น จากบทความของ Harvard Business Review พบว่ามีหลายบริษัทชั้นนำเช่น IBM, Accenture, Cisco, State Farm Intel ,BP และ Wells Fargo ได้เริ่มนำ Avatar เข้ามาใช้ในระบบงานของบริษัทโดยพนักงานสามารถ Login เข้าไปใน virtual World จัดการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องเดินทางไปเจอกันแบบตัวต่อตัว การใช้ Avatar นี้เป็นจินตนาการที่ถูกนำมาสร้างเป็นเรื่องราวในภาพยนตร์Avatar แต่เทคโนโลยี่นี้ได้กลายเป็นเรื่องจริงที่ไม่ใช่การใช้ special effectการใช้ Avatarทำงานแทนเรานั้นสามารถนำมาใช้ได้ในหลายๆฟังก์ชั่นงาน ไม่ใช่แค่การประชุมเพียงอย่างเดียว Avatar ยังมีบทบาทในการนำมาใช้ในการสัมภาษณ์งาน การฝึกอบรม และการสร้างสรรค์โปรเจคต่างๆได้อีกด้วย

เทคโนโลยี สามารถปฏิรูปการทำงานและก่อให้เกิดประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจน คือ การลดต้นทุน ทั้งต้นทุนที่เกิดจากการเดินทาง ค่าใช้จ่ายในสำนักงาน และต้นทุนในการบริหารจัดการ ช่วยลดการใช้กระดาษและเอกสารต่างๆ ทำให้เป็นองค์กรที่รักษาสิ่งแวดล้อมได้ดีขึ้น การใช้เทคโนโลยี 3D ทำให้การแชร์ข้อมูลต่างๆ มีความชัดเจนและน่าสนใจมากขึ้น

สำหรับพนักงานแล้วการใช้ Avatar มีประโยชน์อย่างมากช่วยให้พวกเขาบริหารจัดการเวลาได้ดีขึ้น เกิด work life balance มีดวามยืดหยุ่นของเวลาและการมาทำงาน ทำให้มีความสุขในการทำงานโดยที่ไม่ต้อง trade off กับชีวิตครอบครัวและชีวิตส่วนตัว ทั้งยังช่วยสร้างประสบการณ์การทำงานที่น่าตื่นเต้นและแปลกใหม่ เราสามารถจะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ในโลกของ Avatar ได้ แบบที่เราทำไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริง เราสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตาของ Avatar ของเรา บุคลิกภาพ เพศ อายุ ตามใจเราได้ตลอดเวลา เราสามารถเป็นคนใหม่และสร้างตัวตนแบบที่เราอยากเป็นได้

GenZ ที่เริ่มเข้าสู่ตลาดแรงงาน เป็นกลุ่มที่เติบโตมากับโซเชียลมีเดียและเทคโนโลยี พวกเขามองหาความยืดหยุ่นในการทำงาน การแสวงหาประสบการณ์แปลกใหม่เขาต้องการและมีชีวิตที่ทันสมัย ในขณะเดียวกันเขามักมองโลกตามความเป็นจริง และต้องการการเติบโตที่มั่นคง การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการทำงานเช่นนี้ จึงช่วยทำให้การทำงานในองค์กรเหมาะสมกับคนรุ่นใหม่มากขึ้น เขาจะเป็นกลุ่มคนที่รับวิธีการทำงานแบบใหม่ได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรรมชาติ

การใช้ Avatar เข้ามาใช้ในการทำงานนั้นไม่ได้ มีประโยชน์แค่ความแปลกใหม่และการลดต้นทุน แต่ยังก่อให้เกิดการปฎิ-สัมพันธ์ที่มีพลังมากขึ้นด้วย จากการศึกษาของ Harvard และ Stampford University พบว่าการใช้ Avatar ทำให้เกิด emotional engagement ที่ลึกซึ้ง นอกเหนือจากความสนุกสนาน เมื่อพนักงานอยู่ในโลกของAvatar หัวใจจะเต้นเร็วขึ้น เพราะความตื่นเต้นกับประสบการณ์ที่ได้รับ ระบบของสมองที่ควบคุมการตอบสนองกับผู้อื่นทำงานอย่างแอคทีฟขึ้นเป็นผลให้พวกเราโฟกัสกับสิ่งที่ทำอยู่ได้ดี และมีความรู้สึกร่วมในระดับที่สูงขึ้นพวกเขาจะตั้งใจกับการมีปฎิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากขึ้น สำหรับเขาแล้วเมื่ออยู่ในโลกแห่ง Avatar นั่นคือโลกแห่งความเป็นจริง เขาจะทำงานให้ดีที่สุด จะสนใจการทำงานร่วมกับผู้อื่น ทำให้คุณภาพงานดีขึ้นเขาจะสนใจว่า Avatar อื่นๆ ปฎิบัติต่อเราอย่างไร และสนใจผลของการกระทำ และคำพูดของ Avatar ใน community นั้น ๆ

สำหรับผู้บริหารนั้นสิ่งสำคัญไม่ใช่เพียงการเลือกใช้เทคโนโลยีเข้ามาปฎิรูประบบงานให้มีประสิทธิภาพและง่ายขึ้น แต่เป็นการทำความเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของความต้องการของพนักงานและการสร้างวัฒนธรรมที่เอื้อให้คนเหล่านี้ทำงานอย่างมีความสุขและเต็มความสามารถ สิ่งที่สำคัญคือความยืดหยุ่น ในการทำงาน และการสร้างระบบงานแบบ end to end ที่เอื้อให้เกิดประสิทธิภาพ แม้เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไป แต่พื้นฐานของการทำงานที่ต้องการให้พนักงานมีปฎิสัมพันธ์ ที่ดีต่อกันภายในองค์กร การเชื่อมโยงทีมให้มีความสามัคคี มีเป้าหมายร่วมกันนั้น ยังคงมีความสำคัญเหมือนเดิม เราแค่เปลี่ยนวิธีที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีที่ทำให้ทุกๆวันของการทำงานตื่นเต้นและสนุกสนานอีกทั้งง่ายขึ้นนั่นเอง