ตลาดหุ้นจีนควรสะสม ??

ตลาดหุ้นจีนควรสะสม ??

ตลาดหุ้นจีนมีความผันผวนค่อนข้างมากในปี 2561 ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นต่อเนื่องตามตลาดโลก โดยได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลก

ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ในเดือนกุมภาพันธ์ ตลาดหุ้นจีนปรับตัวลดลงรุนแรง เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลต่อแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ซึ่งมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ตัวเลขการจ้างงาน และอัตราเงินเฟ้อ ที่รายงานดีอย่างต่อเนื่อง และส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นทะลุระดับ 3% เป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปีกว่า

และเมื่อเข้าสู่ช่วงไตรมาส 2 ตลาดหุ้นจีนยังคงถูกกดดันอย่างต่อเนื่อง จากประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทั่วโลกว่าจะนำไปสู่สงครามการค้า (Trade war) โดยสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ ขณะที่จีนได้ตอบโต้กลับด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ในมูลค่าเทียบเท่ากัน อีกทั้งสหรัฐฯ ยังมีท่าทีปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ ในระยะถัดไป นอกจากนี้ การออกคำสั่งห้ามบริษัทสัญชาติอเมริกันทำธุรกิจกับ ZTE ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์โทรศัพท์เคลื่อนที่และระบบโทรคมนาคมขนาดใหญ่ของจีน เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นจีนเพิ่มเติม และส่งผลให้ ZTE ต้องเสียค่าปรับ คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ฯ แก่ทางการสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นจีนเริ่มมีความน่าสนใจในเชิงมูลค่า โดยเฉพาะตลาด H-share ซึ่ง PE ปัจจุบันอยู่ที่ 8.5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่ประมาณ 10 เท่า มองไปข้างหน้า ตลาดหุ้นยังคงมีแนวโน้มได้รับแรงสนับสนุน จากทั้งการพิจารณาเพิ่มสัดส่วน A-share เข้าไปในดัชนี MSCI Emerging Market ประกอบกับนโยบายเปิดเสรีตลาดทุนตลาดเงินในประเทศ โดยเฉพาะความพยายามอำนวยความสะดวกให้นักลงทุนต่างชาติ อาทิ การเปิดทางเชื่อมการลงทุนในหุ้นผ่าน (Stock Connect) ระหว่างตลาด Shanghai และตลาด Shenzhen ไปยังตลาด Hong Kong เพื่อเพิ่มโอกาสให้นักลงทุนในแต่ละตลาดสามารถเคลื่อนย้ายการลงทุนระหว่างตลาดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ทางการจีนยังคงเปิดทางเชื่อมเพื่อการซื้อขายตราสารหนี้ในประเทศ (Bond Connect) และได้ส่งสัญญาณจะลดข้อจำกัดในการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศผ่านการผ่อนคลาย Negative List ลงเพิ่มเติมอีกในอนาคต

ดังนั้น สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจตลาดหุ้นจีน ยังถือว่าเป็นโอกาสทยอยลงทุนจากปัจจัยบวกดังกล่าวข้างต้นและเศรษฐกิจจีนที่ยังมีโอกาสเติบโตได้ตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยผมแนะนำให้ถือลงทุนในระยะกลางถึงยาว ซึ่งในระยะสั้นปัจจัยที่จะสามารถสร้างความผันผวนในตลาดหุ้นจีนได้และต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง คือ สงครามทางการค้า แม้ว่าปัจจุบันตลาดจะรับรู้และสะท้อนกับราคาหุ้นไปพอสมควร แต่หากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนมีการเคลื่อนไหวใหม่เพิ่มเติม ความกังวลอาจจะกลับมาเป็นระยะๆ