เรื่องดี ๆ ยิ่งบอกเล่ายิ่งมีพลัง

เรื่องดี ๆ ยิ่งบอกเล่ายิ่งมีพลัง

ผู้เขียนชอบเรื่องเล่าที่ปลุกเร้าให้ผู้คนมีกำลังใจ ให้มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างสิ่งงดงามให้แก่โลก

สร้างแรงบันดาลใจให้ทำสิ่งที่มีความหมายแก่ชีวิตตนเองและสังคมฯลฯ ผู้เขียนชอบคำอวยพรที่ว่า “ขอให้พบเรื่องราวดีๆ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่ชีวิต” วันนี้ขอนำบางเรื่องราวดีๆ ที่ได้จดบันทึกไว้มาแบ่งปันกัน

เรื่องแรก  คือจดหมายที่มีไปถึงอัยการและผู้พิพากษาตอนกำลังจะมีการตัดสินลงโทษ ผู้ลอบสังหาร Robert F. Kenneny โดยน้องชายคืออดีตวุฒิสมาชิก Edward Kennedy ผู้ล่วงลับไปแล้ว เรื่องก็มีอยู่ว่า ขณะหาเสียงเป็นประธานาธิบดีในปี1968 Robert Kennedy (ผู้มีอายุ 42 ปี เป็นน้องชายของประธานาธิบดี John F. Kennedy และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม) ถูกลอบยิงเสียชีวิต โดย Sirhan Sirhan ชาวปาเลสไตน์ อายุ 24 ปี

Edward Kennedy เขียนว่า พี่ชายของเขาเป็นคนที่เต็มไปด้วยความรัก ความเมตตา กรุณา เห็นอกเห็นใจผู้อื่น เขาคงไม่ต้องการให้การตายของเขาเป็นสาเหตุให้คนอื่นต้องตายไปด้วย นอกจากนี้เขาทุ่มเททั้งชีวิตต่อต้านความไม่เป็นธรรม ความยากจน การกีดกันไม่เสมอภาค เขาต่อต้านสงคราม เพราะมันปฏิเสธความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต ดังนั้น ขอได้โปรดนำเอาสิ่งเหล่านี้ที่เกี่ยวกับตัวเขาเข้าไปร่วมการพิจารณาในการกำหนดโทษด้วย

การไม่ถือโทษโกรธแค้นให้อภัยคนที่ทำร้ายคนที่ตนรัก ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นทุกวัน เฉพาะ คนพิเศษที่มีความคิดสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่งเท่านั้นจึงจะทำเช่นนั้นได้ ผู้เขียนได้อ่านจดหมายแล้วรู้สึกประทับใจ ถือเป็นเรื่องที่น่าจดจำเล่าสู่กันฟังเพื่อปลุกเร้าการเกิด“ความคิดพิเศษ”เช่นนี้ในโลกของเรา

หากสงสัยว่าสุดท้ายแล้ว Sirhan Sirhan ถูกประหารชีวิตหรือไม่ คำตอบก็คือถูกตัดสินประหารแต่ไม่ตาย เพราะก่อนที่จะลงมือประหารชีวิตได้มีการออกกฎหมายยกเลิกการลงโทษเช่นนี้เสียก่อน เขาจึงติดคุกตลอดชีวิต จนถึงปัจจุบันเขาก็ยังติดคุกอยู่

เรื่องที่สอง  เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในอเมริกา เมื่อEclass Walker ผู้บริหารธุรกิจดนตรีผิวสีกำลังเข้าแถวผู้โดยสารชั้นหนึ่งรอขึ้นเครื่องบิน ก็ถูกผู้หญิงผิวขาวซึ่งอยู่คิวหลังบอกว่าคุณมาเข้าแถวผิด ที่นี้สำหรับเฟิร์สคลาสเท่านั้น เขาก็แสดงบัตรว่าอยู่ในชั้นเดียวกัน ผู้หญิงก็พูดต่อไปว่าพวกทหาร พวกข้าราชการก็มีโอกาสได้ขึ้นอย่างนี้แหละ เธอพูดเสียงดังกับเขาจนคนหันมามอง Walkerก็ยืนยันว่า เขาซื้อตั๋วด้วยเงินของเขาเอง ไทยมุงก็ตบมือชอบใจที่Walker ตอบกลับแบบเจ็บๆ ว่า “เขามันเป็นไอ้มืดที่มีเงิน

ขณะที่เถียงกันนั้น Walkerถ่ายภาพที่มีตัวเขาและผู้หญิงผิวขาวคนนั้นพร้อมกับบรรยายคำโต้ตอบและเอาขึ้นโซเชียลมีเดีย ปรากฏว่ามีคนเข้าไปดูเหยียบล้านคน พร้อมกับความเห็นเป็นแสนๆ จนผู้หญิงคนนั้นเละเป็นโจ๊ก

เหตุที่เป็นเรื่องควรเล่าต่อก็เพราะต่อมาWalkerโพสต์ ข้อความแสดงความเสียใจและขอโทษเธอเพราะเขาคิดไม่ถึงว่ามันจะทำให้เธอเสียหายและเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โตเช่นนี้ ที่จริงแล้วมันก็เป็นเรื่องใหญ่ที่มีการดูถูกเหยียดหยามผิวสี แต่มันก็เป็นเรื่องเล็กที่เกิดขึ้นอยู่เนืองๆ ทว่าไม่ควรเอาไปประจานกันถึงขนาดนั้น

คำขอโทษที่จริงใจของWalker ทำให้เกิดปฏิกิริยามากมายเพราะคนจำนวนมากเห็นว่าเขาเป็น“คนพิเศษ”เพราะรู้สึกเสียใจและกล้าขอโทษสิ่งที่ทำไป ถึงแม้จะรู้สึกว่าตนอยู่ด้านที่ถูกต้อง ก็ตาม มีคนบอกว่าWalkerได้กระทำสิ่งที่สำคัญสำหรับชีวิตมนุษย์ คือมีพฤติกรรมของความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง เห็นอกเห็นใจคนอื่น และมีความเมตตากรุณาต่อคนอื่นอย่างจริงใจ

เรื่องที่สาม คือเรื่องช้างที่เราเห็นว่ามีโซ่ล่ามขาไว้กับหลักไม่ให้ไปไหน ความจริงแล้วโซ่เหล่านี้ทัดทานช้างไว้ไม่ได้หรอกหากจะดึงดันออกมาจริงๆ แต่ช้างไม่ทำเช่นนั้นเนื่องจากตั้งแต่ยังเล็กๆ มันก็ถูกโซ่ขนาดไม่ต่างกันนี้ล่ามไว้อยู่ เมื่อโตขึ้นช้างก็ยังนึกว่าโซ่เหล่านี้พันธนาการเขาไว้อยู่เหมือนตอนเด็กๆ ดังนั้นจึงไม่คิดพยายามแหกโซ่ออกไป

เรื่องนี้เตือนให้นึกถึงคนที่ไม่ตระหนักศักยภาพของตนเอง ถูกพันธนาการมาตั้งแต่ยังเล็กว่าทำได้จำกัดเพียงเท่านั้น เมื่อได้ยินบ่อยๆ เข้าก็นึกว่าเป็นจริง และในที่สุดก็มีความสามารถในระดับที่สอดคล้องกับที่คนอื่นบอกจริงๆ โซ่เส้นนี้อาจเป็นความกลัวเทคโนโลยีสมัยใหม่ กลัวภาษาต่างประเทศ กลัวการเรียนรู้ใหม่ๆ กลัวการประกอบอาชีพที่แปลกใหม่ กลัวสิ่งที่ตนเองไม่คุ้นเคยกลัวความลำบาก ฯลฯ

เรื่องที่สี่ เป็นนิทานที่สอดคล้องกับชีวิตจริงของหลายคนกาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมี สาวตาบอดอยู่คนหนึ่ง เธอเกลียดการเป็นคนตาบอดเธอเกลียดตัวเองและทุกคนยกเว้นคนรักของเธอที่เข้าใจและเอาใจเธอเสมอ เธอรักเขามากและบอกว่าถ้าตาเธอมองเห็นเธอจะแต่งงานด้วย

วันหนึ่งมีคนบริจาคดวงตาสองข้างให้เธอจนเธอมองเห็นทุกสิ่งรวมทั้งคนรักของเธอด้วย คนรักของเธอถามว่าตอนนี้ก็มองเห็นแล้ว จะแต่งงานกับเขาไหม เธอรู้สึกช็อคเพราะเห็นว่าคนรักของเธอตาบอดจึงปฏิเสธที่จะแต่งงานด้วย คนรักของเธอเสียใจมาก จึงจากเธอไปพร้อมกับทิ้งจดหมายไว้ว่าที่รักช่วยดูแลตาของฉันด้วย

ผู้เขียนเคยพบเห็น “บัณฑิตที่หายจากตาบอด” บางคนอย่างน่าสมเพชใจ กล่าวคือเมื่อมีความรู้ได้ปริญญาเป็นบัณฑิต กลับนึกดูถูกดูแคลนพ่อแม่และญาติที่ส่งเสียให้เรียนว่าต่ำต้อยไม่มีความรู้ ภรรยาที่ส่งเสียให้เรียนปริญญาโทปริญญาเอก เมื่อสามีเรียนจบก็ดูว่าภรรยาจะไม่ทัดเทียมกับตัวเขาไปเสียแล้ว ทุกข์สุขที่เคยประสบร่วมกันมาในอดีตลืมหมดสิ้นเพราะบัดนี้“ตาสว่าง”แล้วแต่ความจริงนั้นเขาตามืดสนิท

มนุษย์ต้องการกำลังใจด้วยกันทั้งนั้นในแต่ละช่วง แต่ละจุดของชีวิต การปลุกเร้ากระตุ้นให้กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต เรื่องราวลักษณะข้างบนนี้สามารถเป็นเครื่องมือได้ อย่าลืมว่า เรื่องราวดีๆ นั้นยิ่งบอกเล่ายิ่งมีพลัง