สมรภูมิการแข่งขันของอีคอมเมิร์ซและมาร์เก็ตเพลสปัจจุบัน(1)

สมรภูมิการแข่งขันของอีคอมเมิร์ซและมาร์เก็ตเพลสปัจจุบัน(1)

ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยกำลังสู้รบกันอย่างหนัก

ต้องบอกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซในบ้านเรามีหลายรูปแบบ และมาร์เก็ตเพลสก็เป็นรูปแบบหนึ่งคือเป็นลักษณะของเว็บที่รวมร้านค้าอยู่ข้างในมากมาย มีสินค้าต่างๆ มากมายไว้ให้สามารถเลือกซื้อขาย โดยจะมีมาร์เก็ตเพลสใหญ่ๆ เช่น ลาซาด้า, Shopee, 11street หรือแม้แต่ “ตลาดดอทคอม” เอง โดยที่เมื่อก่อนเราก็เน้นรูปแบบนี้เช่นกัน 

แต่ตอนนี้มีการแข่งขันสูงมากเพราะทุกคนก็ต้องการให้คนนึกถึงเว็บตัวเองก่อน หากมีการนึกถึงอีคอมเมิร์ซหรือการซื้อสินค้าออนไลน์ วิธีการที่ง่ายที่สุดคือทำให้ลูกค้าคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าผ่านเว็บของตนเองเป็นประจำเสียก่อน วิธีการที่ดีที่สุดก็คือการกระตุ้น การซื้อโฆษณามหาศาลทั้งวิทยุ ทีวี หนังสือพิมพ์ บิลบอร์ด แจกส่วนลดต่างๆ ฯลฯ มาร์เก็ตเพลสเจ้าใหญ่ๆ ทั้งลาซาด้า และ Shopee ต่างก็ทุ่มเงินมหาศาลและยอมขาดทุนหลายพันล้าน

สำหรับ 11street ที่มีบริษัทแม่อยู่ที่เกาหลีชื่อว่า SK Planet อยู่ในกลุ่มของค่ายบริษัทมือถือที่ชื่อ SK Telecom และมีทีมงานผู้บริหารทั้งหมดมาจากเกาหลี เข้ามาในตลาดของไทยได้ปีกว่าๆ แต่บังเอิญว่าเข้ามาในจังหวะที่ไม่ดีนัก โดยเป็นช่วงที่ประเทศไทยกำลังอยู่ในเวลาของความเศร้าคือในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเสด็จสวรรคต จึงมีการห้ามทำการเอิกเกริก ห้ามไม่ให้มีการโปรโมตต่างๆ จึงทำให้ปรากฎตัวเองไม่ได้เกือบปีทั้งที่มีการเตรียมพร้อมจะเปิดตัวอยู่แล้ว

จนกระทั่งเหตุการณ์ผ่านไปจึงมีการเตรียมเปิดตัวเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว มีการอัดโปรโมต การลงโฆษณาจำนวนมาก เห็นจากการโฆษณาบนรถไฟฟ้าที่มีการห่อด้วย 11street หมดเลย ใช้พรีเซนเตอร์เป็นดาราดังทั้งไทยและเกาหลีลงโฆษณาเต็มไปหมด ซึ่งตรงนั้นน่าจะใช้เงินหลาย 100 ล้านบาทมาก อย่างมากในการโปรโมต ซึ่งในตอนนั้น 11street ถูกมองว่าน่าจะมาเป็นอันดับสองรองจากลาซาด้าแน่ๆ ปรากฏว่าบังเอิญเป็นช่วงเดียวกับที่ Shopee กำลังเริ่มอัดเม็ดเงินเข้ามาเช่นกัน ดังนั้น สถานการณ์ของของ 11street ก็ยังคงตกที่นั่งลำบาก

อย่างที่เคยบอกไปหลายครั้งว่ามาร์เก็ตเพลสนั้นมีพื้นที่ให้แค่เบอร์หนึ่งกับสองเท่านั้น ไม่มีพื้นที่ให้กับเบอร์สาม ซึ่ง 11street เองน่าจะคาดหว้งว่าตัวเองจะเป็นเบอร์สอง แต่เมื่อมีตัวแปรใหม่อย่าง Shopee เข้ามาอย่างรุนแรงมาก แถมยังมีข่าวการจับมือของ JD.com กับเครือเซ็นทรัล ประกอบกับปัจจัยสำคัญคือ ทางกลุ่มบริษัทแม่ของ 11street มีการเปลี่ยนผู้บริหารระดับสูง และน่าจะมองเห็นว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซนั้นไม่ทำเงินจึงเริ่มทำการขายธุรกิจของ 11street ที่เป็นอีคอมเมิร์ซในประเทศอื่นๆ ออกไป เช่น ในอินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมทั้งในไทยก็ด้วย

จนสุดท้ายในประเทศไทยก็มีการพูดคุยในเรื่องการขายและการหาพาร์ทเนอร์ ซึ่งในธุรกิจอีคอมเมิร์ซนี้ต้องใช้เงินจำนวนหลักหมื่นล้านและนโยบายบริษัทแม่คือหากว่าหาพันธมิตรใหม่ไม่ได้ก็คือต้องปิด ตามข่าวที่ทราบกันก็คือในที่สุดก็ได้คุณกึ้ง เฉลิมชัย มหากิจศิริ เป็คนซื้อไป

เท่าที่ผมได้พูดคุยกับ “คุณกึ้ง” ก็คาดว่าเมื่อซื้อไปแล้วน่าจะไม่ได้นำลงมาสู้ในสนามนี้ แต่อาจจะนำไปรีแบรนด์ใหม่เป็นนิชมาร์เก็ตหรือเป็นตลาดเฉพาะไป เพราะสนามรบของอีคอมเมิร์ซแห่งนี้ จำเป็นจะต้องใช้เงินมหาศาลในหลักหลาย 10,000 ล้านบาท โดยตอนนี้ที่รบกันอยู่ในตลาดอีคอมเมิร์ซนี้ก็ใช้เงินลงทุนปีละไม่ต่ำกว่า 1,000-2,000 ล้านบาทอยู่แล้ว บอกได้เลยว่ารบกันอย่างต่ำ 3 ปี จนกว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งตายไป ตัวอย่างเหตุการณ์ทำนองนี้เห็นได้จากที่อินเดียที่ “ฟลิปคาร์ท” และ“อเมซอน” ต่างเทเงินกันปีละมากกว่า 10,000 ล้านบาทเพื่อสู้กัน เป็นเกมการต่อสู้ที่จะเหลือผู้ชนะที่เลือดออกแต่ยังยืนอยู่ได้เพียงคนเดียว และตอนนี้ตลาดของประเทศไทยก็กำลังจะเป็นเช่นนั้น