ปรับก่อนตาย

ปรับก่อนตาย

ทุกย่างก้าวของธุรกิจนั้นจะพลาดไม่ได้เลย

ภาพรวมของอุตสาหกรรมไอทีในระดับโลกถือว่าอยู่ในจุดที่ดีที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าจะไม่เห็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดดหรือการขยายตัวอย่างหวือหวาเหมือนในอดีต แต่ภาวะทรงตัวและเริ่มเติบโตขึ้นทีละน้อยก็ถือว่าดีมากแล้วเมื่อเทียบกับภาวะซบเซาที่เกิดขึ้นหลายปีที่ผ่านมา

อัตราการเติบโตเล็กน้อยจากรายงานของบริษัทวิจัยการ์ทเนอร์ในปีนี้รวมไปถึงคาดการณ์ของปีหน้าจึงถือเป็นสัญญาณที่ดี ขณะเดียวกันยังเป็นสัญญาณบวกในทุกด้านของอุตสาหกรรมไอที นั่นคือธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์มีการเติบโต 1.1% ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร 8.4% อุปกรณ์ไอที 1.3% บริการด้านไอที 4.6% และบริการด้านสื่อสาร 1.1%

ในภาพรวมของปี 2562 จึงมีการคาดการณ์ไว้ว่าการเติบโตในภาพรวมจะอยู่ที่ระดับ 2.8% แม้จะไม่มากเท่าปีนี้ที่คาดว่าจะมีการเติบโตทั้งปีที่ 6.2% แต่ก็ยังมีอัตราการเติบโตเป็นบวกอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซีที่มีภาวะไม่ต่างกันคือซบเซาและทรงตัวมายาวนานแต่เพิ่งเริ่มมีสัญญาณบวกให้เห็นชัดเจนในปีนี้เอง

ด้วยอัตราการเติบโตเปรียบเทียบระหว่างครึ่งปีแรกของปี 2560 กับปี 2561 ที่ 1.4% และยักษ์ใหญ่ 5 อันดับแรกสามารถทำตัวเลขเป็นบวกได้ทั้งหมด คือเลอโนโว 10.5% เอชพี 6.1% เดลล์ 9.5% แอ๊ปเปิ้ล 3.0% เอเซอร์ 3.1% มีเพียงแบรนด์อื่นๆ ทั้งหลายรวมกันยังเติบโตติดลบอยู่ที่ 12.9%

ตัวเลขเหล่านี้บอกให้รู้ว่าอุตสาหกรรมพีซีในภาพรวมกำลังฟื้นตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ ซึ่งก็น่าจะส่งผลดีกับตลาดไอทีบ้านเราให้เติบโตขึ้นด้วย แต่ทั้งนี้ความสามารถในการทำกำไรนั้นยังไม่กลับมาเท่าเดิมเพราะความผันผวนของค่าเงินบาทในช่วงนี้

หันมาดูที่อีกขาหนึ่งคือตลาดสมาร์ทโฟน ที่เราจะเห็นความคึกคักจากการเปิดตัวสินค้ารุ่นใหม่ๆ อยู่เสมอ แต่ตัวเลขในการเติบโตเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมากลับสะท้อนภาพตรงกันข้ามให้เห็น เพราะอัตราการเติบโตของแบรนด์ชั้นนำอย่างซัมซุงนั้นติดลบไปกว่า 4% เช่นเดียวกับออปโป้ที่เติบโตลดลงกว่า 5%

คงเหลือแอปเปิ้ลที่เติบโตเกือบๆ 3% และหัวเว่ยที่แม้จะเป็นอันดับ 3 แต่มีตัวเลขเติบโตกว่า 11% เป็นผลมาจากตลาดในประเทศจีนเป็นหลัก และอย่าลืมว่ารายได้หลักของหัวเว่ยไม่ได้มาจากสมาร์ทโฟนเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีระบบโครงข่ายที่อยู่เบื้องหลังผู้ให้บริการโทรคมนาคมทุกเจ้า

เช่นเดียวกับเสี่ยวมี่ที่ยังเติบโตดีอยู่ แต่กับแบรนด์อื่นๆ ในตลาดรวมกันแล้วยังติดลบเกินกว่า 10% ส่งผลให้ภาพรวมของตลาดสมาร์ทโฟนไม่อาจพลิกกลับมาเป็นบวกได้เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2560 จึงติดลบไปกว่า 3% ซึ่งเป็นแนวโน้มเดียวกับที่เกิดขึ้นในตลาดไอทีเมื่อหลายปีก่อน

การอยู่รอดในอุตสาหกรรมไอทีทุกวันนี้จึงไม่เหมือน 10-20 ปีที่แล้วที่ทุกรายต่างก็เจอภาวะขาขึ้นจากตลาดที่เติบโตปีละ 5%-10% เพราะในภาวะที่ตลาดอยู่ตัวแล้ว อัตราการเติบโตในแต่ละปีจึงมีแค่เพียง 1-3% เท่านั้น ซึ่งตัวเลขเพียงเท่านี้หมายความว่าทุกย่างก้าวของธุรกิจนั้นจะพลาดไม่ได้เลย

ในอดีต ยุคที่การเติบโตยังคงเป็นตัวเลข 2 หลักการลงทุนขยายธุรกิจใหม่ๆ ถือเป็นเรื่องน่าลองเพราะถึงแม้ผิดพลาดขึ้นมาก็ยังมีโอกาสได้เงินลงทุนคือจากธุรกิจอื่นๆ ในเครือ แต่ในทุกวันนี้หากเรามีธุรกิจเล็กๆ ที่อาจบริหารงานผิดพลาดไปก็อาจส่งผลให้ทั้งบริษัทขาดทุนได้ทันทีเพราะกำไรที่มีไม่อาจหล่อเลี้ยงรับความผิดพลาดนั้นได้เพียงพอ

การปรับโฉมองค์กร หรือบิสิเนส ทรานส์ฟอร์เมชั่น(Business Transformation) จึงเป็นคำพูดที่ได้ยินอย่างหนาหูในวันนี้ เพราะการทำงานท่ามกลางผลตอบแทนที่บางเฉียบ บีบให้เราต้องบริหารจัดการทุกอย่างรอบคอบ การปรับองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงาน การปรับระบบใหม่เพื่อลดต้นทุนในการดำเนินงาน อาจได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นรายได้ที่มากกว่าการทำธุรกิจแบบเดิมๆ