ธนาธร...ถอนทหาร!

ธนาธร...ถอนทหาร!

จังหวะก้าวของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์กลางเดือนก.ค.

นับว่าน่าสนใจนอกจากการเปิดเวทีเสวนาที่ ม.อ.ปัตตานี เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะและความต้องการของคนในพื้นที่ จนนำมาสู่คำประกาศทางการเมืองว่าด้วยเรื่อง “ถอนทหาร” แล้ว ธนาธรยังไปเยือนมัสยิด 300 ปีที่ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ด้วย

ผมค่อนข้างตื่นตาตื่นใจกับการเลือกพื้นที่ลงไปทำกิจกรรมของธนาธร เพราะถือว่าทั้งตัวเขาและทีมงาน ไม่ธรรมดา” อย่างมัสยิด 300 ปี ก็มีปัญหายืดเยื้อเกี่ยวกับโครงการปรับภูมิทัศน์เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ระดับโลก ใช้งบประมาณเฉพาะส่วนของการก่อสร้างมากถึง 149 ล้านบาท แต่โครงการกลับล่าช้ามาหลายปีเพราะมีความไม่โปร่งใสในการคัดเลือกเอกชนเข้ามาทำโครงการ ซึ่งถูกตรวจสอบพบว่าเป็น “บริษัทล้มละลาย” ทั้งยังขาดการมีส่วนร่วมจากชุมชนและผู้นำศาสนา จะเดินหน้าต่อก็ยาก เพราะแค่บริษัทผู้รับเหมาจะเข้าพื้นที่ไปทำงานก็ยังไม่ได้

โครงการนี้กลายเป็นเผือกร้อนที่รัฐบาล คสช.ไม่ยอมเข้าไปจัดการ ปล่อยให้ส่วนราชการอย่างศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) รับหน้าเสื่อเป็นหนังหน้าไฟ แก้ปัญหาไปตามมีตามเกิด

ฉะนั้นการที่ คนการเมือง” เข้าไปแสดงบทบาท จึงถือเป็นความกล้า และเป็นการสร้างความหวังใหม่ๆ ว่าปัญหาที่คาราคาซังมีโอกาสได้รับการแก้ไข

เช่นเดียวกับคำประกาศที่ว่าถ้ามีอำนาจจะ “ถอนทหาร” พ้นพื้นที่ แม้หลายคนจะมองว่าเป็นข้อเสนอที่เร็วและแรงเกินไป ทั้งยังกระทบจิตใจคนไทยพุทธที่น่าจะไม่เห็นด้วยนัก แต่ก็ถือเป็นความ ใจถึง” ที่ฝ่ายการเมืองกล้าเสนอนโยบายที่แตกต่าง เพราะทุกอย่างจะตัดสินกันที่สนามเลือกตั้งว่าชาวบ้านจะเอาหรือไม่เอา

คล้ายๆ กับเมื่อครั้งที่พรรคเพื่อไทยเสนอนโยบาย เขตปกครองพิเศษ แม้จะแพ้เลือกตั้งยกสามจังหวัด แต่มันก็กลายเป็นปรอทวัดว่าประชาชนคิดอย่างไร และต้องการอะไรกันแน่ 

หรืออย่างที่พรรคประชาธิปัตย์เคยชูนโยบาย การเมืองนำการทหาร แล้วตรากฎหมายการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ออกมา ยกสถานะให้ ศอ.บต.มีบทบาทการแก้ไขปัญหาเทียบเท่ากับ กอ.รมน. จนสามารถกดให้ “งบดับไฟใต้” ลดลงจากปีละ 2 หมื่นกว่าล้าน ลงมาเหลือแค่หมื่นกว่าล้าน สอดคล้องกับสภาพความร้ายแรงของปัญหาที่ลดระดับลง

จังหวะก้าวของธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ จึงเป็นจังหวะก้าวของสีสันประชาธิปไตยที่ห่างหายไปนาน หลังจากปล่อยให้ รัฐราชการภายใต้การนำของ คสช.เลี้ยงไข้ปัญหามานานหลายปี แถมยังซุกงบมหาศาลไว้ใต้พรม ตรวจสอบอะไรไม่ได้ นอกจากข้ออ้างว่าสถานการณ์โดยรวมดีขึ้น แต่ทิศทางการก้าวต่อไปกลับย่ำอยู่ที่เดิม