ถอดแนวคิด“อีลอน มัสก์" 5 วิธีทำสิ่งเป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จ
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านทุกท่าน เชื่อว่าจนถึงนาทีนี้ เรื่องราวของน้องๆ ทีมฟุตบอล“หมูป่าอะคาเดมี”และโค้ชรวม 13 ชีวิต
ที่ได้รับความช่วยเหลือออกมาจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ยังคงตราตรึงหัวใจของคนไทย และอีกนับล้านคนทั่วโลก เพราะไม่บ่อยครั้งนัก หรือแทบไม่เคยเกิดปรากฏการณ์แบบนี้ขึ้นมาก่อนในโลกก็ว่าได้ ที่คนทั้งโลกจะเทความสนใจและกำลังใจมาที่ภารกิจๆ เดียว นั่นคือปฏิบัติการกู้ชีวิตที่ถ้ำหลวง ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์ของความหวัง การเห็นคุณค่าในชีวิตมนุษย์และความสามัคคีอันไร้แพรมแดน ไร้เชื้อชาติและศาสนาของคนทั้งโลก
เราได้เห็น “วีรบุรุษ” หรือฮีโร่มากมายจากเหตุการณ์นี้ แต่ยังมีอีกคน ที่แม้เราจะเรียกเขาว่าฮีโร่ได้ไม่เต็มปาก เพราะอุปกรณ์ที่เขาเอามานั้นยังไม่ทันได้ใช้ (ฮา) แต่เหตุการณ์นี้ก็ทำให้คนไทยรู้จักเขามากขึ้น และแนวคิดของเขาก็น่าสนใจไม่น้อย เกริ่นมาเสียยาว คนนั้นคือ“อีลอน มัสก์" นั่นเอง เราลองมาดูแนวคิดและทำความรู้จักเขาให้มากขึ้นกันค่ะ
“อีลอน มัสก์” คือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งของศควรรษที่ 21 เลยก็ว่าได้ ชาวอเมริกันที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาใต้คนนี้เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ทั้งบริษัทสำรวจอวกาศสเปซเอกซ์(SpaceX)บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา(Tesla)บริษัทพัฒนาเทคโนโลยีเชื่อมต่อสมองมนุษย์เข้ากับคอมพิวเตอร์ นิวราลิงก์ (Neuralink)และบริษัทวิศวกรรมธรณี บอริง คัมพานี (The Boring Co.)และอีกหลายบริษัทชั้นนำของโลกที่เขามีส่วนในการก่อตั้ง
เวบไซต์ฟอร์บส์รายงานไว้ว่า 5 แนวคิดที่ทำให้ “อีลอน มัสก์” ประสบความสำเร็จ มีดังนี้ค่ะ
1. “สื่อสาร” อย่างชัดเจน นักธุรกิจและวิศวกรหลายคนมักจะใช้ศัพท์ยากๆ หรือศัพท์เทคนิคที่ฟังดูเหมือนภาษาต่างดาวสำหรับคนทั่วไป แต่บริษัทSpaceXที่พัฒนาเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและซับซ้อนทำให้คนธรรมดาๆ เข้าใจได้อย่างไร นั่นก็เพราะเขาสั่งพนักงานทุกคนห้ามใช้ศัพท์เทคนิคหรือตัวย่อ แต่ให้ใช้ภาษาที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน เขาส่งอีเมล์ถึงทีมงานและบอกว่าห้ามสื่อสารโดยศัพท์เฉพาะหรือตัวย่อที่เขาไม่ได้อนุมัติ เขาไม่ต้องการเห็นอภิธานศัพท์ยาวเหยียดท้ายรายงาน หรือเห็นคนนอกที่มาร่วมประชุมด้วยทำหน้างงๆ ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน
2. เรียนรู้จาก “ความล้มเหลว” ในปลายปี 2017 อีลอน มัสก์ เผยคลิปวิดีโอชื่อHow Not to Land an Orbital Rocket Boosterซึ่งแสดงภาพการลงจอดจรวดของSpaceXที่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่ามาตั้งแต่ปี 2013 ในมุมต่างๆ ทั้งระเบิดกลางอากาศ แตกเป็นเสี่ยงๆ ล้มครืน ฯลฯ แต่ในตอนท้ายคลิปก็ลงจอดได้สำเร็จเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคมปี 2015 และสุดท้ายจรวดของSpaceXชื่อFalcon 9ก็ลงจอดในแนวตั้งได้จริงๆ ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง เขาเคยกลาวไว้ว่า “ความล้มเหลวก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง หากไม่ล้มเหลวเลยก็แสดงว่าคุณยังไม่ได้คิดค้นอะไรใหม่ๆ เพียงพอ”
3. เตรียมตัว “เจ๊ง” เสมอ แม้ว่าอีลอน มัสก์ จะกดดันทีมของเขาขนาดหนักเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายภายในเวลาอันจำกัด แต่เขาก็วางแผนรับมือกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน เช่นกรณีของเทสลา ตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมาในปี 2003 มีหลายครั้งหลายคราที่ขาดกระแสเงินสดและเกือบต้องล้มละลาย และเขาต้องใส่เงินทุนส่วนตัวเข้าไปเพิ่ม จนกระทั่งเทสลาเริ่มมั่นคงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หลังจากเริ่มจำหน่ายรถยนต์
โดยในปี 2014 เทสลาระดมเงินทุนได้ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยการออกตราสารหนี้เพื่อเป็นทุนในการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อGigafactoryโดยเขาบอกว่าแม้จะยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินทั้งหมดในตอนนี้ แต่ก็ต้องเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า เพราะไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีความเสี่ยงหรือการล้มละลายใดๆ เกิดขึ้นกับบริษัทหรือไม่
4. ผสมผสาน “ทักษะ” หลายๆ ด้านเข้าด้วยกัน หลายธุรกิจที่อีลอน มัสก์ ทำ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไรที่คล้ายกันนัก (ตั้งแต่รถยนต์ไฟฟ้า ไปจนถึงจรวด) แต่เขาคือตัวอย่างที่ชัดเจนของการรวมชุดทักษะความสามารถ หรือskill setหลายๆ แบบ ทั้งสาขาวิศวกรรม ไปจนถึงการตลาด การจัดการองค์กร และอื่นๆ อีกมากมาย โดย “แลร์รี่ เพจ” ซีอีโอของกูเกิล เคยยกย่องอีลอน มัสก์ ไว้ว่าเขาคือตัวอย่างของคนที่ประสบความสำเร็จเพราะสามารถรวมเอาบทเรียนหลายอย่างจากหลายธุรกิจที่เคยทำมาพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นการมีความรู้กว้างๆ ในด้านวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์ ไปจนถึงภาวะผู้นำและความรู้ในการบริการจัดการ และความรู้ด้านการเงิน
5.ตั้งเป้าหมาย “ภายใน-ภายนอก” ที่ต่างกัน หลังจากที่ก่อตั้งSpaceXอีลอน มัสก์ กำหนดวันที่จะปล่อยจรวดFalcon 1ในปี 2003 แต่ก็เลื่อนมาจนถึงปี 2006 ส่วนเทสลาก็มีปัญหาดีเลย์จากเป้าหมายเช่นกัน โดยรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาเปิดตัวในปี 2008 ช้ากว่าที่โปรโมตไว้ถึง 2 ปี ในเวลานั้นทั้งสื่อต่างๆ และผู้คนมากมายเยาะเย้ยที่เขาพลาดเป้าที่วางไว้บ่อยๆ และดูถูกว่าเทสลาคงจะล่มสลายไปในไม่ช้า แต่วันนี้เขาได้เรียนรู้ถึงการตั้งเป้าหมายแบบภายในและเป้าหมายแบบสาธารณะ และแนะนำว่าหากต้องการให้เป้าหมายนั้นบรรลุผล ควรต้องตั้งเป้าหมายภายในองค์กรที่aggressiveกว่าที่สาธารณชนรับรู้มาก โดยเมื่อเร็วๆ นี้ เขาเอาชนะคำมั่นที่ให้ไว้ต่อสาธารณะ (ทางทวิตเตอร์) ว่าเขาและทีมงานเทสลาจะสร้างแบตเตอรี่ลิเธียมโดยใช้เวลาน้อยกว่า 100 วัน ได้สำเร็จ
“อีลอน มัสก์” คือตัวอย่างของซีอีโอและนักธุรกิจที่สุดจะไฮเปอร์และไม่หยุดที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เราอาจลองศึกษาแนวคิดของเขาและนำไปประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มโอกาสสู่ความสำเร็จค่ะ (แต่อาจไม่ต้องสุดโต่งเท่าเขาก็ได้ค่ะ)