เรื่องของคนยังมีความสำคัญนะ

เพื่อดูของจริง 2-3 แห่งใกล้บ้าน ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อคอกลม รองเท้าผ้าใบ ถือกระเป๋าเอกสารที่มีทุกอย่างครบในกระเป๋า

โชว์รูมที่ 1 เป็นสาวสวย เธอมองผมแบบเมินเฉย ผมไม่ได้ว่าอะไร เดินดูรถและไปหยุดที่รถคันหนึ่งที่กำลังมีรายการส่งเสริมการขาย หรือโปรโมชั่น มีส่วนลดพิเศษ นัยว่าเป็นรถตกรุ่น ถามเธอว่ามีรายละเอียดอะไรหรือไม่เกี่ยวกับรถคันนี้ เธอไม่ตอบอะไร แต่ไปหยิบใบโฆษณา (โบรชัวร์) ที่มีทั้งหมดมาให้

บอกเธอว่า ไม่ได้เอาทั้งหมด แต่เอาเฉพาะคันนี้ เธอบอกว่า เอาไปเถอะดูหลายๆ คัน เราไม่ว่าอะไร แต่ก่อนเดินออกมา เราบอกกับเธอว่า เข้าใจนะ คนมาดูรถแต่งตัวแบบนี้ คงไม่น่าเชื่อถือ สำหรับรถราคาหลายล้าน เธอยิ้มๆ ไม่ว่าอะไร

แล้วเราก็เดินออกไป อีกโชว์รูมหนึ่งที่ไม่ไกลจากกัน คราวนี้พนักงานขายเป็นผู้ชาย ใส่สูทอย่างดีนั่งอยู่ในห้อง เราเดินเข้าไปในโชว์รูม แล้วเดินดูรถที่อยู่ข้างในพนักงานคนนั้น ซึ่งเป็นคนเดียว ไม่ได้เดินออกมาถามพูดคุยกับเรา เดินไปถามเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์อีกคน ว่ามีรายละเอียดเกี่ยวกับรถคันนี้หรือไม่ เธอจึงเรียกพนักงานขายออกมาจากห้อง พนักงานชายที่เป็นพนักงานขายหยิบโบรชัวร์หนึ่งเล่มพร้อมกระดาษแสดงตารางการผ่อนชำระ แล้วเขาก็ถามว่า อาชีพอะไร ตั้งใจจะผ่อนกี่เดือน

งงว่าทำไมเขาถามเรื่องนี้ โดยไม่ถามว่าเราสนใจรถอะไรรุ่นไหน แต่ก็บอกไปว่า ไม่มีอาชีพ และก็ไม่มีรายได้เพราะไม่ได้ทำงานมาเกือบสิบปีแล้ว แล้วเขาก็กลับเข้าห้องไป ก็แปลกดีว่า ทำไมเขาไม่ถามอย่างอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ว่าอะไร

จากนั้นไปโชว์รูมที่ 3 คราวนี้เป็นพนักงานขายหนุ่มน้อย พอเดินเข้าไปในโชว์รูม ก็บอกกับเขาว่าจะดูรถสักคัน พนักงานผู้นั้น ถามว่า เอาแบบซื้อเงินสดเลยหรือไม่ครับ มีทั้งโปรโมชั่น ทั้งส่วนลด

ถามว่าทำไมคุณไม่ถามว่าจะผ่อนชำระอย่างไร แบบกี่ปี เดือนละเท่าไร เขาบอกว่า อายุขนาดนี้ คงไม่ผ่อน 60 - 80 งวดแล้วละครับ ถ้าซื้อก็น่าจะซื้อเงินสด จึงไม่เสนอเรื่องผ่อนชำระ แล้วเขาก็อธิบายรายละเอียดของรถ พร้อมกับข้อเสนอที่โชว์รูมจะให้กรณีซื้อเงินสด ส่วนลดต่างๆ ของแถมอะไรต่อมิอะไร พร้อมกับบอกว่า ลองดูโชว์รูมอื่นด้วยนะครับ เขาอาจมีโปรโมชั่นอย่างอื่นแถม

แปลกใจกับพนักงานขาย 3 โชว์รูม แม้จะต่างยี่ห้อกัน แต่วิธีการนำเสนอเข้าถึงลูกค้านั้นต่างกันอย่างมาก

คงรู้นะครับว่า ผมตัดสินใจออกรถกับโชว์รูมไหน ทั้งๆ ที่เป็นรถราคาแพงที่สุด