“Normalization” กับชีวิต

“Normalization” กับชีวิต

เมื่อมองไปรอบตัวโดยไม่สังเกตเราจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เสมือน“ปลาที่ไม่เห็นน้ำ มนุษย์ไม่เห็นออกซิเจน"

 โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า “normalization” หรือกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่มุ่งเข้าสู่ความเป็นปกติอีกลักษณะหนึ่ง หรือระดับหนึ่ง (new normal) อย่างไม่รู้ตัว

“normalization” มีความหมายที่กว้างในทางสถิติ โดยทั่วไปหมายถึงการปรับค่าของข้อมูลดิบที่วัดด้วยสเกลหรือลักษณะที่ต่างกัน เพื่อให้มีความเป็นปกติคือใช้สเกลเดียวกันเพื่อจะได้นำไปคำนวณร่วมกันต่อไปได้

ในที่นี้ “normalization” มีความหมายที่ต่างออกไปโดยใช้ความหมายดังกล่าวถึงแล้วในตอนต้น ตัวอย่างได้แก่อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกของบ้านเราที่เคยอยู่ในระดับปีละ 15-20% ได้ลดลงเป็นลำดับในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา จนอยู่ในช่วงเลขตัวเดียวซึ่งต่อไปจะถือได้ว่าเป็นค่าปกติ ทั้งหมดเป็นผลพวงจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจไทยของเศรษฐกิจโลกของเทคโนโลยีของประเทศคู่ค้าของเรา ฯลฯ

“normalization” เกิดขึ้นในสังคมของเรามากมายในรอบ 10-20 ปีที่ผ่านมา จนมีผลกระทบต่อการดำเนินชีวิต ค่านิยมในชีวิต การทำมาหากิน วิถีชีวิต ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสุขในชีวิต

เราอาจตกใจหรือไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในตอนแรกแต่เมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกต่างๆ จะปรับตัวเข้าสู่การยอมรับ ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ เหล่านี้ได้ถูก normalized ในใจของเราไปแล้ว

ครั้งหนึ่งประชาธิปไตยเป็นเรื่องใหญ่โตในใจของผู้คนในโลกและในบ้านเรา เพราะสื่อถึงความเป็นนิติธรรมหรือสังคมที่มีกฎหมายเป็นฐาน (rule of law) สิทธิมนุษยชน ความเท่าเทียมกันการปกครองของประชาชนโดยประชาชน เพื่อประชาชน เสรีภาพในการแสดงออก ฯลฯ แต่บัดนี้เป็นที่หวาดหวั่นกันว่ามันได้ถูก normalizedไปในระดับหนึ่ง ในใจของผู้คนโลกที่ดูจะรังเกียจความเป็นเผด็จการน้อยลง

จีนมหาอำนาจที่สองในโลกได้ประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง เป็นประธานาธิบดีชั่วชีวิต ปูตินแห่งรัสเซียมีอำนาจล้นฟ้า Donald Trump แหวกแนวประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เคยมีมาทั้งหมดที่ยึดถือ truth หรือความจริงเป็นเรื่องสำคัญ ในวันหนึ่งพูดสิ่งที่ไม่เป็นความจริง 4-5 ครั้ง และชื่นชอบการใช้อำนาจของตนเองเป็นพิเศษและประชาชนอเมริกันส่วนหนึ่งก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบาน และมีอีกหลายประเทศ เช่น ตุรกี อียิปต์ คิวบา อิหร่าน เวเนซุเอลา ซีเรีย ฯลฯ ที่ประชาชนยอมรับหรือไม่คัดค้านการใช้อำนาจที่ไม่สอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยมากขึ้น

การยอมรับอิทธิพลจีนในหลายลักษณะในทุกแห่งหนบนโลกโดยเฉพาะในภูมิภาคนี้เป็นอีกnormalizationหนึ่งที่เห็นชัดเจน คนไทยคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งล่าสุดมีจำนวนถึง 9 ล้านคนอย่างไม่คาดคิดมาก่อน การมีปฎิสัมพันธิ์กับคนจีนเป็นกระบวนการที่จะอยู่ต่อไปกับเราอีกนานแสนนาน

อีกเรื่องหนึ่งที่ normalization ได้เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดนั่นก็คือ การเสริมความงามของอวัยวะต่างๆ ตั้งแต่จมูก นม คาง แก้ม ฯลฯ เรื่องเหล่านี้ได้กลายเป็นเรื่องธรรมดาจนไม่ปิดบังกันอีกต่อไป เช่นเดียวกับเรื่องแฟนที่อยู่กินกันก่อนแต่งงานอย่างกว้างขวาง ค่านิยมเหล่านี้ได้ ถูกnormalized ในสังคมไทยไปเรียบร้อยแล้ว

การมี “กิ๊ก” ก็เป็น normalization อีกลักษณะหนึ่งของสังคมไทยที่คนส่วนหนึ่งดูเหมือนจะเห็นเป็นเรื่องธรรมดา โดยให้เหตุผลกับตนเองว่ามันเป็นเพียงแค่ “กิ๊ก” ไม่ใช่การนอกใจจะเอาอะไรกับมันนักหนา มันแค่ “กิ๊ก” (gig) เดียวเท่านั้นไม่ใช่เป็นสิบๆ สักหน่อย (1 gigหรือเรียกเต็มยศว่า 1 gigabyteของITนั้น มีความจุเท่ากับเอกสารA4จำนวนประมาณ400,000หน้า) อย่างไรก็ดีถ้าตรองสักหน่อยก็จะเห็นว่า “กิ๊กก็คือชู้ซึ่งเป็นการทรยศและทำร้ายจิตใจของคนรักอย่างปฏิเสธไม่ได้

Normalization ที่เลวร้ายสุดของสังคมก็คือสภาพจิตใจที่มองเห็นความชั่วเป็นเรื่องธรรมดาคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีกันบ้าง มนุษย์ก็ต้องมีอะไรเลวบ้างเป็นเรื่องปกติ สังคมใดที่กระบวนการคิดเช่นนี้มีความเข้มแข็งและมีโมเมนตัมสังคมนั้นความเสื่อมกำลังเข้าครอบงำ เพราะการชื่นชมอละยึดมั่นความดีคือรากฐานที่สำคัญยิ่งของสังคมที่มีความสุขสงบ ทุกคนมีความมั่นคงในชีวิตและมีสิทธิเสรีภาพ

ในยุคปัจจุบันที่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง การเกิดขึ้นของnormalization ในหลายสิ่งทั้งดีและไม่ดีเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ ประเด็นที่พึงพิจารณาก็คือสมาชิกของสังคมต้องมีวัคซีนที่ทรงพลังในการต้านnormalization ที่นำไปสู่ความเสื่อมและความเลวทราม

สมาชิกจะมีวัคซีนเช่นนี้ได้ ทุกคนในสังคมต้องช่วยกันสร้างโดยไม่หวังพึ่งภาครัฐเป็นสรณะเริ่มต้นจากการตระหนักว่ามีกระบวนการไปสู่ความเสื่อมเช่นนี้อยู่และต้องพยายามต้านด้วยการรู้ทันและยึดมั่นในความดี ความงาม ความจริงในการดำรงชีวิตเป็นหลัก