อำนาจธรรม..เหนืออำนาจทั้งปวงจริงๆ! (กรณีถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน)
เจริญพรสาธุชนผู้มีจิตศรัทธาในพระพุทธศาสนา เรื่องราวของถ้ำหลวงเขาขุนน้ำนางนอนที่โด่งดังไปทั่วโลก
พร้อมวีรกรรมของคณะทำงานทุกหมู่เหล่าทั้งในประเทศและต่างประเทศ คงจะได้จดจารึกกันไว้เป็นเรื่องราวที่ควรกล่าวถึง เพื่อการศึกษาในทุกมิติต่อไป
หากเรานำคติของพุทธศาสนาเข้ามาจับเรื่องดังกล่าว ก็คงหนีไม่พ้นกฎแห่งกรรม (กรรมนิยาม) ที่จิตวิญญาณจำนวนไม่น้อยต้องลอยละล่องเข้าไปยึดถือเกี่ยวข้องกับสภาวธรรมที่เกิดขึ้นจากเรื่องราวของเด็กๆ ๑๓ คนในชื่อทีมฟุตบอล หมูป่าอคาเดมี่ แม่สาย จ.เชียงราย ที่ไม่บังเอิญเข้าไปติดกับดักอำนาจธรรมชาติ ที่แสดงความเป็นธรรมของการเกิด-ดับ ที่มีเหตุปัจจัยในกฎความจริงที่ว่า
เมื่อเหตุปัจจัยมีอยู่ ธรรมมีอยู่
เมื่อเหตุปัจจัยสิ้นไป ธรรมย่อมสิ้นไป..
นี่เป็นธรรมดาที่เป็นความจริงอันปรากฏมีอยู่ในธรรมชาติ !!
และเมื่อโยงเข้าสู่จิตวิญญาณตามหลักจิตนิยามจะปรากฏเรื่องกฎแห่งกรรม (กรรมนิยาม) เกิดขึ้น เพื่อแสดงความเป็นจริงตามธรรมว่า
การกระทำใดๆ ด้วยเจตนา (กรรม) ย่อมให้ผล (วิบาก)
ผู้กระทำจึงต้องรับผลของการกระทำนั้นๆ ...
ส่วนจะบุญหรือบาป จะหนักหรือเบา จะให้คุณให้โทษ เมื่อไหร่ อย่างไร ขึ้นอยู่กับความเร็วและกำลัง หรือแรงที่กระทำตามเจตนาของจิต (ชวนจิต) เมื่อเข้าไปเสพหรือบริโภคอารมณ์ในขณะนั้นๆ ... ความเร็วและแรงขับเคลื่อนหรือกำลังของการกระทำจึงเป็นตัวตัดสินชี้ขาด กำลัง .. กิจ .. และหน้าที่ กรรมนั้นๆ ว่าจะให้ผลอย่างไร เมื่อไหร่ มีกำลังขนาดไหน
จิตวิญญาณของสัตวโลก.. จึงดำเนินสร้างสัมพันธภาพเกี่ยวข้องกับขันธโลก .. และโอกาสโลก ด้วยกฎแห่งกรรม .. ภายใต้อำนาจธรรมที่ควบคุมให้เป็นไปอย่างยุติธรรม !!!
จึงไม่แปลกและไม่บังเอิญ เมื่อเด็กๆ ทั้ง ๑๓ คนจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ภัยจากธรรมชาติในถ้ำหลวงเขาขุนน้ำนางนอน ที่แสดงความจริงในบริบทของธรรมตามที่กล่าว... การประกอบเขตกาลมรณะจึงเกิดขึ้นควบคุมพื้นที่ให้ทุกชีวิตที่เข้าไปเกี่ยวข้อง แม้กระทั่งผู้ช่วยเหลือทุกคนทุกคณะ จักต้องเผชิญกับอำนาจของมัจจุมารตามห้วงเวลาดังกล่าว ณ ถ้ำหลวงเขาขุนน้ำนางนอน ที่แสดงอำนาจที่ทรงพลังยิ่งใหญ่ว่ายากที่สัตว์โลกจะต่อกรได้ เราจึงเห็นความโกลาหลวุ่นวายไปทั่วโลกที่พยายามจะเข้ามาช่วยเหลือในรูปแบบต่างๆ จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในห้วงเวลาที่ผ่านมาร่วมเดือน
“สัจธรรม” ที่พุทธศาสนาประกาศไว้ให้ชาวเราได้ศึกษาข้อหนึ่ง ได้ปรากฏเกิดขึ้นบนเรื่องราวดังกล่าวนี้ว่า
“ความเพียรของมนุษย์ แม้เทวดาผู้ทรงฤทธิ์ ก็ยากที่จะกีดกันขัดขวางได้...”
การเพียรพยายามด้วยสติปัญญา ครบเครื่องด้วยคุณธรรมถูกต้องตามธรรมวิธี เพื่อก้าวไปสู่ความสำเร็จตามความประสงค์ จึงถูกนำมาเป็นธรรมศึกษาปฏิบัติ เพื่อให้มนุษย์ที่ถึงพร้อมด้วยภูมิรู้-ภูมิธรรม .. ถึงพร้อมด้วยกำลังกาย-กำลังใจ และสติปัญญา.. ที่สำคัญที่สุดคือการถึงพร้อมด้วยความสามัคคีธรรม จนสามารถสร้างพลังอำนาจบุญกุศลก้อนใหญ่ให้เกิดขึ้นได้ เพื่อการใช้ขับเคลื่อนในการเข้าไปบริหารจัดการเหตุปัจจัยให้เป็นไปตามความประสงค์จึงเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ที่ทรงพลังธรรมอันยิ่งใหญ่ จนสามารถนำเด็กๆ ๑๓ ชีวิตที่มีบุญกุศลอยู่ในส่วนหนึ่ง และกระทำการที่ถูกควรตรงธรรม ในขณะพานพบกับปัญหา คือ การเจริญสติ ... จนจิตถึงสภาวธรรมที่พร้อมรับการช่วยเหลือ... จึงผ่านพ้นปัญหา ออกมาจากเขตมรณกาลในขณะนั้นได้อย่างเป็นธรรมดา ที่ชาวโลกกล่าวว่า น่าอัศจรรย์ !!
เมื่อจิตทุกดวงรวมกัน เมื่อจิตทุกดวงร่วมกันกระทำการเคารพธรรม .. ปฏิบัติถูกต้องตรงธรรม อำนาจธรรมจึงก่อเกิดขึ้น เพื่อตอบแทนผู้เคารพธรรม ผู้ประพฤติธรรม... และนี่คือบทเรียนแห่งธรรมในธรรมชาติที่เป็นสัจธรรม .. อันเราท่านควรศึกษา เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้อง อย่าได้หลงงมงายไปกับมายาศาสตร์ทางจิต มายากลทางโลก ที่มารสร้างขึ้น จนชักชวนกันไปติดกับปัญหาไม่รู้จบไม่รู้สิ้น....
ในบทธรรมครั้งนี้ จึงขออนุโมทนากับทุกๆ คน ที่ร่วมแรงร่วมใจกัน ก่อเกิดพลังความสามัคคีของอำนาจธรรม จนสามารถช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ให้พ้นมาจากเขตมรณกาลได้... และขอส่งอุทิศอำนาจธรรมไปให้กับผู้ที่เสียชีวิต .. จ่าเอกสมาน (แซม) กุนัน ในเหตุการณ์นี้ ได้พึงถึงซึ่งธรรมคติในพุทธศาสนา เทอญ
อารยวังโสภิกขุ
เจริญพร