ผู้นำแบบไหนที่พึ่งได้ในยามวิกฤติ

ผู้นำแบบไหนที่พึ่งได้ในยามวิกฤติ

วิกฤติเกิดขึ้นได้เสมอ และมักเกิดขึ้นโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า และเชื่อกันว่าในยามวิกฤตินั้น ผู้นำต้องเป็นผู้ที่พาผู้คนให้พ้นวิกฤติไปได้

แต่ในความเป็นจริงนั้น หลายวิกฤติผ่านไปได้ด้วยดี จากฝีมือของผู้นำ ในขณะที่หลายวิกฤติย่ำแย่ลงไปมาก จนกลายเป็นเรื่องเรื้อรัง วิกฤติซ้ำซากจนคนคุ้นเคย ไม่รู้สึกว่าเป็นวิกฤติอีกต่อไปก็เพราะฝีมือของผู้นำเช่นเดียวกัน ที่หนักที่สุด คือผู้นำยามวิกฤติที่เหนี่ยวนำให้เกิดอนุกรมของวิกฤติใหม่ เกิดขึ้นตามมาจากวิกฤติแรกที่ผู้คนได้พบเจอ จึงเป็นความโชคดี หรือโชคร้ายของผู้คนที่มีผู้นำแบบใด ในยามที่วิกฤติเกิดขึ้น ถ้าพอจะคาดเดาได้ว่า เรามีผู้นำที่ช่วยลดวิกฤติ หรือซำ้เติมวิกฤติ ก็อาจช่วยให้ตั้งตัว ทำใจรับผลที่จะตามมาหลังวิกฤติได้ดีกว่าไม่รู้ตัวว่ากำลังติดตามผู้นำแบบไหนอยู่

การที่จะดูว่าผู้นำยามวิกฤติ คนไหนพึ่งได้ มีผลงานวิจัยตีพิมพ์ไว้ในวารสารวิจัยด้านรัฐประศาสนศาสตร์ บอกวิธีดูผู้นำว่าพึ่งได้ หรือไม่ได้ในยามวิกฤติ ซึ่งวิธีดูผู้นำนี้ไม่ได้จำกัดแค่ผู้นำบ้านเมือง หรือผู้นำหน่วยงาน แต่รวมถึงผู้นำในหน่วยเล็ก ๆ ลงไปถึงระดับครอบครัวเลยทีเดียว งานวิจัยบอกว่าผู้นำที่พึ่งพานำทางผ่านวิกฤติได้นั้น มองเห็นวิกฤติ เป็นวิกฤติที่ต้องปัดเป่าแก้ไข ไม่ใช่เห็นวิกฤติเป็นเรื่องที่ต้องแก้ตัว ผู้นำที่ดี เห็นวิกฤติก่อนผู้ตาม และถ้าจะแก้ตัว จะแก้ตัวหลังแก้วิกฤติได้แล้ว ถ้าเจอผู้นำที่แก้ตัว โทษนั่น โทษนี่ ในทันทีที่ผู้คนบอกว่ามีวิกฤติเกิดขึ้น หนทางดีที่สุดคือพึ่งตนเองในยามวิกฤตินั้น อย่าเสียเวลาไปกับการสาบแช่งผู้นำช่างแก้ตัวรายนั้น เพราะจะยิ่งหมดแรงใจ แรงสมองในการสู้วิกฤติที่พบเจออยู่ในตอนนั้น

ผู้นำยามวิกฤติที่พึ่งพาได้นั้น ตระหนักถึงความหนักหนาสาหัสของวิกฤติได้ดีกว่าผู้ตาม รู้ว่างานนี้หนักกว่าที่เคยเจอแน่ๆ แต่ไม่ป่าวประกาศให้ตกอกตกใจ ผู้นำรู้ก่อนเลยว่า งานนี้ผู้คนจะเจออะไรบ้าง และเลือกวิธีบอกกล่าวที่เหมาะสมกับวิกฤตินั้น เพื่อให้ผู้คนมีความพร้อมสำหรับการรับมือวิกฤตินั้น ในระดับที่จะเกิดประสิทธิผลในการปัดเป่าแก้ไขวิกฤติ ผู้นำรู้ขนาดของปัญหาที่ผู้คนจะต้องพบ แต่ยังสามารถจูงใจให้รับมือวิกฤติที่หนักหนานั้นได้อย่างไม่ตื่นตระหนก ถ้าเจอผู้นำที่ปั้นวิกฤติเล็ก ให้ดูประหนึ่งวิกฤติใหญ่ เพื่อให้ตนเองกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่มาช่วย ขออย่าได้เสียเวลากับคำคุยโวเหล่านั้น อย่าตกอกตกใจจนเกินเหตุแล้วงอมืองอเท้าเฝ้ารอวิกฤติ ให้คิดหาทางรับมือวิกฤติ โดยใช้ความจริงที่ปรากฏให้รู้ให้เห็นเป็นพื้นฐานในการตระเตรียม พยายามรวบรวมผู้คนที่ยังพยายามจะสู้วิกฤติ แล้วช่วยกันคิด ช่วยกันทำ

โดยทั่วไปนั้น การรับมือวิกฤตินั้น ไม่ได้มีแค่ปุถุชนคนใดคนหนึ่งจะทำให้วิกฤติยุติลงไปได้ แต่เป็นการรวมตัวกันของผู้นำในด้านต่าง ๆ ที่มาช่วยกันแก้ไขวิกฤตินั้น การแก้ไขวิกฤติที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ เกิดจากเครือข่ายความร่วมมือของผู้นำในหลากหลายด้าน ประสานการนำในด้านต่าง ๆ พร้อม ๆกับกำกับและควบคุมการปฏิบัติในด้านของตน การแก้ไขวิกฤติที่ดีไม่ได้เกิดจากโครงสร้างการสั่งการแบบปิรามิด สั่งจากบนลงล่าง แต่เป็นโครงสร้างความร่วมมือแบบเมทิกซ์ ที่มีการประสานงานการนำ ทั้งในแนวนอน คือประสานการนำในระหว่างผู้นำด้านต่าง ๆ พร้อม ๆกับที่มีการนำในแนวตั้ง คือกำกับ และควบคุมการทำงาน ในด้านที่ผู้นำคนนั้น รับหน้าที่ในการแก้ไขส่วนใด ส่วนหนึ่งของวิกฤตินั้น ผู้นำที่พึ่งได้ในยามวิกฤติ คือผู้นำที่ประสานกับกับผู้นำคนอื่นได้ดี พร้อมกับที่เก่งในการกำกับ และควบคุมการทำงานในด้านที่ตนเองรับหน้าที่เป็นผู้นำ ถ้าเจอะเจอผู้นำคนใดที่ทำตนเป็นยอดปิรามิด คิดว่ากำกับ และควบคุมการทำงานได้ทุกเรื่อง ให้พยายามอยู่ห่่าง ๆไว้ ไม่เช่นนั้น จะเจออุปสรรคสองด้าน คือวิกฤติที่เกิดขึ้นแล้ว กับวิกฤติที่ผู้นำกำลังจะสร้างขึ้นมาใหม่ ถ้าหนีห่างไม่ได้ อาจจำเป็นต้องช่วยกันจัดการอุปสรรคสำคัญกับการแก้ไขวิกฤติ ด้วยการกำจัดผู้นำแบบนี้ไปก่อนลงมือแก้ไขวิกฤติ