ดินน้ำลมไฟ

ดินน้ำลมไฟ

โหราศาสตร์คือศาสตร์เก่าแก่ที่สุดและถูกพัฒนาต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ศาสตร์นี้มีอายุกว่า 7,000 ปี ตัวเลขนี้นับเฉพาะเค้าโครงรากฐาน

ที่กลายเป็นโหราศาสตร์อย่างที่เห็นกันปัจจุบัน อันที่จริง มนุษย์ค้นพบวงรอบดวงจันทร์และสร้างปฏิทินจันทรคติได้ตั้งแต่ 25,000 ปีก่อน มนุษย์ค้นพบฤดูกาล คิดค้นจักรราศี และสร้างปฏิทินสุริยคติได้ราว 13,000 ปีต่อมา มันนำไปสู่การปฏิวัติเกษตรกรรมและก่อกำเนิดอารยธรรมของมนุษยชาติ

พัฒนาการของโหราศาสตร์ก้าวหน้าขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา จนปรากฏเป็นรูปร่างแบบแผนชัดเจนช่วง 4,000 – 3,000 ปีก่อนค.ศ.ในเมโสโปเตเมีย  มีการถ่ายทอดและต่อยอดความรู้ระหว่างอาณาจักรทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง (ผ่านสงครามและการยึดครอง) เช่น อัคคาเดียน อัสซิเลียน ซูเมเลียน บาบิโลเนียน อียิปต์ เปอร์เซีย ฯลฯ โหราศาสตร์รุ่งเรืองที่สุดในยุค Hellenistic ของกรีก ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่อเล็กซานเดอร์มหาราชสิ้นพระชนม์เมื่อ 323 ปีไปจนถึง 31 ปีก่อนค.ศ.

หลักการหลายอย่างถูกพัฒนาในอารยธรรมกรีกยุคต้น กลาง และเสร็จสมบูรณ์ในยุคเฮเลนนิสติกนี้ ธาตุคือชุดความคิดที่โดดเด่นที่สุด จักรราศีคือวงกลมสมมติบนท้องฟ้าที่ถูกแบ่งเป็น 12 ส่วน กรีกกำหนดคุณสมบัติของธาตุทั้ง 4 ให้กับราศีเหล่านั้น ด้วยความเชื่อ (แบบวิทยาศาสตร์) ที่ว่า ธาตุคือองค์ประกอบของจักรวาล แตกต่างจากอารยธรรมอื่น ๆ ที่เชื่อใน “เทพเจ้า” เช่น อินเดีย เมโสโปเตเมีย

ความคิดรวบยอดของโหราศาสตร์ที่ว่า เบื้องบนเป็นอย่างไร เบื้องล่างก็เป็นอย่างนั้น” (As above, So below) กำเนิดในยุคนี้ จักรวาล โลก และมนุษย์เชื่อมโยงถึงกันด้วยธาตุที่ 5 กรีกเรียกว่า “อีเธอร์” อียิปต์เรียก “เฮกา” จีนเรียก “ชี่” อินเดียเรียก “ปราณ” ต่างกันเพียงจีนอินเดียเน้นที่ชี่ปราณของมนุษย์ ด้วยเหตุนี้ ธาตุย่อมเป็นรากฐานของการดูแลสุขภาพ ในทุกอารยธรรมโบราณ อาการเจ็บไข้ได้ป่วยของคน ล้วนเกิดจากธาตุไม่สมดุล แพทย์แผนไทยก็สืบทอดมรดกทางปัญญานี้มาด้วยเช่นกัน

ธาตุ 4 มีดินน้ำลมไฟ โหราจารย์แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มประจุบวกที่มีคุณสมบัติ Active (หยาง) ได้แก่ไฟลม และกลุ่มประจุลบที่มีคุณสมบัติ Passive (หยิน) ได้แก่ดินน้ำ เพื่อให้ดวงดาวเคลื่อนที่ไปได้ในจักรราศี ท่านจึงวางบวกลบสลับกัน และวางบวกเล็งบวก ลบเล็งลบ เพื่อให้จักรราศีเกิดสมดุล โดยกำหนดให้เมษเป็นจุดเริ่มต้นและธาตุไฟ ทำไมต้องไฟ ? เพราะเมษคือตำแหน่งของ Vernal Equinox ที่อาทิตย์เริ่มปัดเหนือ (มีกำลังกล้าแข็ง) และเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิที่สรรพชีวิตเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง หลังจากผ่านฤดูหนาวในราศีมังกรถึงมีน

ลำดับของธาตุคือไฟ-ดิน-ลม-น้ำ เรียงกันไปตามจักรราศี แต่ละธาตุจึงมี 3 ราศี (Triplicity) ไฟมีเมษ-สิงห์-ธนู ดินมีพฤษภ-กันย์-มังกร ลมมีเมถุน-ตุลย์-กุมภ์ น้ำมีกรกฎ-พิจิก-มีน ธาตุยังแบ่งเป็น 3 ลักษณะ (Modality) คือแม่ธาตุ กลางธาตุ และปลายธาตุ เมษกรกฎตุลย์มังกรคือแม่ธาตุ (จรราศี) พฤษภสิงห์พิจิกกุมภ์คือกลางธาตุ (สถิรราศี) เมถุนกันย์ธนูมีนคือปลายธาตุ (ทวิสภาวะราศี)

ปี 2561 ตั้งแต่ 2 พฤษภาคม – 11 ตุลาคม จรราศีเกิด Grand Cross ของอังคารพฤหัสมฤตยูราหู ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีคราสอีก 3 ครั้งที่สัมพันธ์กัน นับเป็นปีแห่งความท้าทาย การเปลี่ยนแปลง และเภทภัยอันตรายร้ายแรงที่สัมพันธ์กับธาตุทั้ง 4

ดินน้ำลมไฟ

ภัยอันตรายปรากฏอย่างต่อเนื่องจริง ๆ วันที่ 23 มิถุนายน นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่า 12 คนและโค๊ชอีก 1 ติดอยู่ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนที่แม่สาย-เชียงราย (ดิน) วันที่ 2 กรกฎาคม ไฟไหม้โรงงานผลิตอาหารทะเลแช่แข็งที่สมุทรสาคร ความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท (ไฟ) วันที่ 5 กรกฎาคม เครื่องบินทหารตกที่แม่ฮ่องสอน มีผู้เสียชีวิต 3 คน (ลม) และเรือท่องเที่ยวล่มที่เกาะเฮ-ภูเก็ต มีผู้เสียชีวิต 45 คน (น้ำ) เภทภัยเกิดครบทั้ง 4 ธาตุ

อังคารมังกรวิกลคติพักร 27 มิถุนายน มันมีกำลังแรงสุดภายใน +/- 5 วัน อังคารถอยเข้ารูป T-square กับมฤตยูเมษและราหูกรกฎ จึงเกิดไฟไหม้ขึ้น จุดสำคัญคือ Grand Cross แม้ก่อเหตุเภทภัย แต่ที่ทำให้มันร้ายแรงมากก็คือคราส

ใน “คราส 2561” เมื่อ 19/1/2561 (http://www.bangkokbiznews.com/blog/detail/643680) ผู้เขียนทำนายว่า “...วันที่ 13 กรกฎาคม เกิดสุริยคราสในราศีเมถุน ที่ 26:34 องศา คราสเล็งพลูโตธนู ชี้ถึงภัยธรรมชาติร้ายแรง เช่น พายุใหญ่ แผ่นดินไหว อังคารมังกรเล็งราหูกรกฎสนิท บอกถึงเภทภัยจากฟืนไฟและอาวุธที่แหลมคม เมถุนเป็นธาตุลม อย่าประมาทอุบัติภัยทางอากาศ คราสนี้ 90 ราหูเดิมในภพ 12 (วินาศ) ของดวงเมือง ราหูจรในกรกฎ-แม่ธาตุน้ำ พึงระวังภัยอันตรายที่เกี่ยวกับน้ำหรือสถานที่ใกล้น้ำ...

สุริยคราสมีกำลังสูงสุดภายในหน้า 7 หลัง 7 วัน วันที่ 5 กรกฎาคม พุธกรกฎ 180 อังคารสนิท เครื่องยนต์ขัดข้องและเครื่องบินตก คราส 90 ราหูเดิม ราหูจรทับจันทร์เดิมสนิท เสาร์จรธนู 150 จันทร์เดิมสนิทด้วย เมื่อจันทร์จรมีน 90 เสาร์ คลื่นลมแรงทำให้เรือล่มในทะเล กลายเป็นอุบัติภัยทางน้ำครั้งใหญ่

ในวันนั้นยังเกิดเหตุการณ์ใหญ่ในญี่ปุ่นด้วย เกิดฝนตกหนักมากทางตะวันตกของเกาะฮอนชู ฝนที่ตกต่อเนื่องหลายวันทำให้น้ำท่วมและดินถล่ม ประชาชนกว่า 2 ล้านคนถูกสั่งให้อพยพและอีก 4 ล้านมีคำแนะนำให้อพยพ ถึงวันนี้ (10) มีผู้เสียชีวิตกว่า 156 คนและสูญหายจำนวนมาก นับเป็นอุทกภัยใหญ่ในรอบ 36 ปี

นี่คืออิทธิพล Grand Cross และคราสเหมือนกัน แต่ที่รุนแรงกว่ามาก เป็นเพราะสุริยคราสเล็งพลูโตธนูสนิทพอดี ทั้งคู่กุมเล็งราหูเดิมในเมถุนและ 90 มฤตยูเดิมในกันย์ของดวงเมืองญี่ปุ่น มฤตยูราหูคือภัยพิบัติธรรมชาติ ทั้งสองยังร่วมใน Grand Cross อีกชั้นหนึ่ง มันจึงรุนแรงมาก

ยังเหลือคราสอีก 2 ครั้งคือ จันทรคราส (เต็มดวง) 28 กรกฎาคมและสุริยคราส 11 สิงหาคม อังคารจะเดินหน้า 27 สิงหาคม พิบัติภัยธรรมชาติจากธาตุทั้ง 4 ยังต้องระมัดระวังอย่างสูง

ผู้รู้เท่าทันวิถีดวงดาว ย่อมตั้งอยู่ในความไม่ประมาท