“แจ็ค หม่า” กับสิทธิพิเศษที่ได้ นักธุรกิจไทยก็ควรต้องได้ด้วย

“แจ็ค หม่า” กับสิทธิพิเศษที่ได้ นักธุรกิจไทยก็ควรต้องได้ด้วย

เราเองก็ต้องมาคอยดูและสอดส่องว่ารัฐมีอะไรดีๆ ให้บ้าง

เห็นข่าวเกี่ยวกับกรมสรรพากรที่ออกมาแจงกรณีที่ “แจ็ค หม่า” ได้ยกเว้นภาษี 13 ปีตามเงื่อนไขบีโอไอ ส่วนคนไทยต้องเสียภาษีตามกฎหมายเดิม เราต้องวิเคราะห์ข่าวนี้ให้ดีนะครับ Alibaba Group ได้อาศัยการสนับสนุนจากการเข้ามาลงทุนในประเทศ ในการยกเว้นภาษีนิติบุคคลผ่านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งมีหลายๆ บริษัทไอทีในไทยก็ได้รับเช่นกันไม่เฉพาะกรณีของแจ็ก หม่าเพียงอย่างเดียวเ่ท่านั้น

ย้อนกลับไปเหมือนในกรณีของผม ก็เกิดเช่นเดียวกับตัวผมเอง เมื่อตอนที่มี Rakuten จากญี่ปุ่นเข้ามาลงทุนกับ TARAD.com ในขณะนั้น ผมก็ได้บีโอไอที่ได้รับยกเว้นภาษีเช่นเดียวกัน แต่ปรากฏว่า ผมไม่ได้ใช้สิทธิภาษีนี้เลยตลอด 6 ปีที่ เข้ามาลงทุนเพราะอยู่ในช่วงการลงทุนหนัก และขาดทุนหนักเช่นกัน ซึ่ง Rakuten ได้ใช้เงินลงทุนทุ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยหลายร้อยล้านบาท ก็ถือเป็นการดึงต่างประเทศมาลงทุนกระตุ้นอีคอมเมิร์ซในไทยแต่ถ้าจำไม่ผิด Rakuten และ TARAD ได้สิทธิ 7-8 ปี แต่ทำไมครั้งนี้ Alibaba Group ได้ถึง 13 ปีเลยหรือ ?

ดังนั้น การได้สิทธิพิเศษหลายๆ จากบีโอไอโดยเฉพาะการไม่เสียภาษีนิติบุคคลตอนสิ้นปีตลอดอายุการสนับสนุน จึงเป็นเรื่องปกติที่รัฐต้องการดึงนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนในกลุ่มธุรกิจที่จะช่วยพัฒนาประเทศ “ซึ่งบริษัทคุณเองก็สามารถขอรับสิทธินี้ได้ครับ” ผมเคยเปิดบริษัท TARADb2b.com เป็นบริษัทที่พัฒนาระบบบีทูบี แบบ Alibaba เลยในช่วงปี 2007 ซึ่งก็ได้รับสิทธิพิเศษนี้จากบีโอไอเช่นกัน 

ถึงแม้ว่าจะได้บีโอไอได้ยกเว้นภาษีนิติบุคคล แต่ก็ไม่ได้ยกเว้นภาษี VAT ให้นะครับ ดังนั้น ในทุกรายการการขายของ Alibaba Group จะต้องถูกนำไปคิด VAT ด้วย แต่ที่ยังติดใจสงสัยอยู่ว่าแล้วเขาจะโดนตรงไหนบ้างล่ะ แล้วการคำนวนการคิดภาษีจะเป็นลักษณะใด เพราะรายการสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนที่นำเข้ามาขายในไทยนั้น ทุกวันนี้ก็ได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง เช่น การยกเว้นจากการได้เอฟทีเอไทย-จีน การยกเว้นจากการนำสินค้าเข้ามาผ่านทางไปรษณีย์ หากสินค้านั้นมีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ซึ่งก็ไม่ต้องเสียภาษีเช่นกัน ตัวผมนั้นได้ยินข่าวมาว่ากลุ่ม Alibaba พยายามขอขยับราคาสินค้าที่นำเข้ามาดันขึ้นไปเป็น 3,000 บาทด้วย

ดังนั้น สิทธิพิเศษที่ภาครัฐเตรียมไว้และนักธุรกิจไทยควรใช้สิทธิ์ ต้องบอกว่ารัฐไทยเตรียมการสนับสนุนเอกชนไทยไว้มากมายครับ แต่ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้น เพียงเพราะเอกชนไทยส่วนใหญ่มักไม่รู้ถึงสิทธิพิเศษตรงนี้ ดังนั้นเมื่อคุณผู้อ่านได้อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมแนะนำว่า คุณหรือบริษัทของคุณต้องกลับมามองดูธุรกิจตัวเองดีว่า เราจะขอสิทธิพิเศษต่างๆ ที่ภาครัฐจัดเตรียมใว้ให้ได้อย่างไร

ตัวอย่างสิทธิประโยชน์ ที่สำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีสามารถของการสนับสนุนได้ เช่น สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ มีเงินให้เปล่ากับหลายๆ โครงการในการสนับสนุนการวิจัย การพัฒนาอะไรใหม่ๆ ขึ้นมา ได้ในวงเงินหลักแสน จนไปถึงหลักหลายล้านบาทเลยครับ หรือ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ก็มีเงินทุนช่วยเหลือเช่นเดียวกัน หรือแม้แต่การออกไปดูงาน ออกแสดงสินค้าที่ต่างประเทศ ที่รัฐมีการสนับสนุนมาตลอด ทั้งค่าบูธในงานที่ไปออก หรืออาจจะมีค่าเดินทางไปด้วยแล้วแต่งานและโครงการ ลองดูได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

มีสิทธิพิเศษที่รัฐไทยเตรียมไว้ให้อีกมากมาย แต่ยังขาดการรับรู้จากธุรกิจเอกชนของไทยเอง ซึ่งผมว่าเราเองก็ต้องมาคอยดูและสอดส่องว่ารัฐมีอะไรดีๆ ให้บ้าง และเช่นเดียวกัน รัฐเองก็ต้องทำให้เอกชนที่คุณต้องสนับสนุนรู้ด้วยเช่นเดียวกันว่าคุณมีสิทธิพิเศษหรือการสนับสนุนอะไรบ้าง โดยไม่ได้ปล่อยให้สิทธิ์นี้ตกไปอยู่กับบริษัทต่างชาติเพียงอย่างเดียวครับ