Wizes Book เมื่อหนังสือไม่ได้มี แค่น้ำหมึกกับกระดาษ (2)

Wizes Book เมื่อหนังสือไม่ได้มี แค่น้ำหมึกกับกระดาษ (2)

ต่อจากบทความครั้งก่อน พูดถึงการจัดทำหนังสือ หนังสือวิเศษ ( Wizes Infographic)  เพื่อแก้ไขปัญหาการเรียนรู้แบบเก่าโดยการท่องจำ

อาจไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ดีอีกต่อไป เพราะวิธีนี้มักทำให้เด็กขาดความเข้าใจในบทเรียนต่างๆอย่างแท้จริง จดจำได้เพียงระยะสั้นหรือบ้างก็จดจำอะไรไม่ได้เลย และสุดท้ายเด็กไม่สามารถนำความรู้ไปต่อยอดหรือประยุกต์ใช้ได้ ซึ่งได้กล่าวถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง และการสร้างความเข้าใจผ่าน Infographic ไปแล้ว มาต่อกันด้วยมุมมองการตลาดผ่าน Ansoff Matrix

ในธุรกิจย่อมต้องการเติบโตเมื่อวิเคราะห์การดำเนินธุรกิจของหนังสือ“วิเศษ” โดยใช้Ansoff MatrixModel พบว่ากลยุทธ์การเติบโต (Growth Strategy)ของหนังสือ“วิเศษ” จะใช้วิธีการ New Product Development คือ การพัฒนาและออกแบบหนังสือให้มีเนื้อหาที่ถูกต้อง ครบถ้วนมีการจัดหมวดหมู่ของเนื้อหาต่างๆให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจของกลุ่มเป้าหมาย โดยใช้ทั้งInfographicและเทคโนโลยีAR ซึ่งเป็นจุดที่สร้างความแตกต่างอย่างโดดเด่นกับหนังสือสังคมทั่วๆไป แต่ยังคงมีกลุ่มเป้าหมายหรือตลาดเดิมคือ มีกลุ่มเป้าหมายหลักเป็นนักเรียนมัธยมปลาย(ม.4-ม.6) ที่จะเตรียมตัวสอบวิชาสังคมศึกษาเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัย และกลุ่มเป้าหมายรองเป็นครูอาจารย์ที่นำไปเป็นส่วนหนึ่งของสื่อการสอนในโรงเรียน

การตลาด 4Ps สู่โลกธุรกิจ

การตลาดในยุคปัจจุบันไม่ใช่เพียงแค่การแลกเปลี่ยนและส่งมอบผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตสู่ผู้บริโภคเท่านั้น แต่มีความซับซ้อนที่เชื่อมโยงกันในแต่ละกระบวนการว่าจะสร้างสรรค์ สร้างคุณค่า และมีการสื่อสารต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างไรหลักการตลาด 4Ps หรือส่วนผสมทางการตลาดที่นิยมนำมาเป็นเครื่องมือ หรือใช้เป็นกลยุทธ์ในการวางแผนการตลาด ดังนี้

Product (ผลิตภัณฑ์)มีการพัฒนาและออกแบบหนังสือให้มีข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน (Functional Benefits) และทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเพียงแค่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ (Emotional Benefits)นำไปสู่การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ Positioning คือการเป็นหนังสือเรียนสังคมเล่มแรกที่ใช้Infographic และเทคโนโลยี AR มาสร้างความเข้าใจในเนื้อหาตลอดจนการได้รับรางวัลการออกแบบDemark ซึ่งถือเป็นหนังสือเรียนไทยเล่มแรกที่ได้รับรางวัล

Price (ราคา)เนื่องจากหนังสือเตรียมสอบวิชาสังคมมีช่วงราคาที่ค่อนข้างกว้าง 170-400 บาท หนังสือ “วิเศษ” จึงใช้การตั้งราคาแบบ Product Quality Leadership เพื่อวางกลยุทธ์ราคาเป็นสินค้าพรีเมียม มีคุณภาพและคุณค่าสูงกว่าหนังสือทั่วๆไปตามท้องตลาด โดยมีราคาหน้าปกอยู่ที่ 335บาท ราคาเดียวกันทั้งการซื้อจากร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปหรือซื้อออนไลน์

Place (ช่องทางจัดจำหน่าย) หนังสือ “วิเศษ”มีช่องทางการจัดจำหน่ายอยู่2แบบ คือ B2B จัดจำหน่ายผ่านทางร้านหนังสือชั้นนำเช่น ศูนย์หนังสือจุฬา ร้านซีเอ็ดบุ๊ค ร้านนายอินทร์ และร้านคิโนะคูนิยะ และมีการจัดจำหน่ายแบบB2C ที่จำหน่ายให้กับลูกค้าโดยตรง ผ่านทางFanpage ของบริษัท

Promotion (การส่งเสริมการตลาด) การสื่อสารคุณค่าของหนังสือ “วิเศษ” ใช้ช่องทางหลักคือออนไลน์ทางFanpageของบริษัทและมีการบอกต่อปากต่อปากของลูกค้าจนเกิดเป็นกระแสในโลกออนไลน์ช่วงเตรียมสอบอย่างแพร่หลายและหากเป็นการสั่งซื้อทางออนไลน์ผ่านทางFanpageจะมีโปรโมชัน“ฟรีค่าส่ง” และมีการจัดโปรโมชันตามโอกาสต่างๆเช่นงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ หากซื้อในงานจะได้ส่วนลดเพิ่ม20%

4หลักคิด พิชิตใจลูกค้า

“หนังสือวิเศษ”นำหลักการตลาด 4Cs มาเป็นแนวคิดด้านการตลาดเพื่อตอบโจทย์ของกลุ่มเป้าหมายให้ตรงประเด็นได้มากที่สุด เนื่องจากปัจจุบันพฤติกรรมในการเลือกซื้อหนังสือของผู้อ่านและกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วดังนี้

Customer คุณฐิติวุฒิและเพื่อนให้ความสนใจในการทำหนังสือที่กลุ่มเป้าหมายต้องการไม่ใช่การทำหนังสือตามความต้องการของตนเองแต่เพียงฝ่ายเดียว โดยการสำรวจรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง และเมื่อทำหนังสือเสร็จแล้วก็มีการนำไปทดลองใช้เป็นสื่อการสอนที่โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย ที่ทางคุณฐิติวุฒิได้ไปเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชา Design Thinking ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดี

Cost เนื่องจากต้นทุนการผลิต “หนังสือวิเศษ” สูงกว่าหนังสื่อทั่วๆไปตามท้องตลาดจากการพิมพ์4สี ทั้งเล่ม และต้นทุนการออกแบบInfographicและใช้เทคโนโลยี AR การตั้งราคา 335บาทที่อยู่ในเกณฑ์ที่ผู้ซื้อย่อมต้องมีความคาดหวังถึงความคุ้มค่าของเงินที่จ่ายไป ดังนั้นจึงต้องพัฒนา “หนังสือวิเศษ”ให้มีคุณภาพทั้งในด้านของเนื้อหาที่ต้องถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์โดยผ่านการตรวจสอบของผู้เชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ

Convenience นอกจากช่องทางการจำหน่ายทั่วไปเช่นร้านหนังสือซีเอ็ด บุค, ร้านนายอินทร์, ศูนย์หนังสือจุฬา เป็นต้น “หนังสือวิเศษ” ยังคำนึงถึงความสะดวกสบายของลูกค้าในการเลือกซื้อหนังสือ โดยมีการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในออนไลน์ รวมถึงการชำระเงินผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรือApplication ได้อีกด้วย

Communication การสื่อสารทางการตลาด (Promotion) เป็นสิ่งที่จะทำให้ลูกค้ารู้จักสินค้า (Product) แต่สินค้าชิ้นหนึ่งอาจจะไม่ได้เหมาะกับทุกคนดังนั้นการสื่อสารของ“หนังสือวิเศษ”จึงใช้สื่อสารไปให้ถึงลูกค้าที่จะมาซื้อสินค้าจริงๆการสื่อสารที่ดีจะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเชื่อถือในสินค้า ส่งผลให้เกิดยอดขายที่เพิ่มขึ้นซึ่งในปัจจุบันการโฆษณาบน Internet สามารถทำเรื่องที่ว่าได้อย่างง่ายได้ ทั้ง Social Media, Google Adsense, Facebook Ads, Youtube, etc. ซึ่งช่องทางเหล่านี้สามารถกำหนดได้ว่าจะให้คนกลุ่มไหนเห็นโฆษณาได้ และนอกจากนั้นสื่อออนไลน์ยังสามารถวัดผลและเจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ตรงกลุ่มมากกว่าอีกด้วย

คราวหน้ามาต่อถึงการนำ กลยุทธ์AIDA ดึงความสนใจในโลกออนไลน์ตอนสุดท้าย กันค่ะ