7 Nights in Russia - เจ้าภาพบอลโลก 2018

7 Nights in Russia - เจ้าภาพบอลโลก 2018

ดิฉันมีโอกาสไปเยือนรัสเซีย ก่อนหน้าเพียงสามสัปดาห์ก่อนพิธีเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 ที่ยิ่งใหญ่ที่สนามลุซนิคิ กรุงมอสโก

โดยได้ไปเยือนมอสโก และเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กซึ่งเป็นมหานครสำคัญของประเทศที่มีพื้นที่มากที่สุดในโลก โดยมีพื้นที่ 17,125,200 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมยุโรปตะวันออกและเอเชียเหนือและมีประชากร 146,800,432 คน รัสเซียปกครองด้วยระบอบสหพันธ์สาธารณรัฐกึ่งประธานาธิบดี โดยมี วลาดิเมียร์ ปูติน เป็นประธานาธิบดีคนปัจจุบันซึ่งดำรงตำแหน่งมาแล้ว 4 สมัย โดยผลเลือกตั้งครั้งล่าสุด ปูตินได้รับคะแนนเพิ่มขึ้นจากการเลือกตั้งครั้งก่อนที่ได้ร้อยละ 64 แม้ว่าจะมีผู้คนจำนวนมากไม่พอใจต่อภาวะความยากจน คอร์รัปชั่น ไปจนถึงสัมพันธภาพที่แย่ลงระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก โดยเฉพาะตอนนี้กับสหรัฐอเมริกาก็ดูง่องๆแง่งๆกันอยู่ ปูตินนั่งตำแหน่งผู้นำรัสเซียมานานกว่า 20 ปีทั้งเก้าอี้นายกฯ และประธานาธิบดี เป็นสถิติยาวนานที่สุดของประเทศนับตั้งแต่ยุคของนายโจเซฟ สตาลิน และก็ปูตินคนนี้แหละที่นำประเทศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟีฟ่าในปีนี้ และรับรองอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าเขาขอรับรองความปลอดภัยของทุกคนที่เข้าชมการแข่งฟุพบอลรวมทั้งนักกีฬาด้วย

ตั้งใจมานานแล้วว่าจะต้องหาโอกาสไปเยือนประเทศที่อดีตเคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับราชวงศ์ของไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยความสัมพันธ์ที่ดีนี้มีผลทำให้ชาติมหาอำนาจอื่นๆที่จ้องยึดครองดินแดนของประเทศในคาบสมุทรอินโดจีนมีความเกรงใจไทยมากทีเดียว แต่แล้วเมื่อรัสเซียมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบสังคมนิยมก็มีผลทำให้ไทยและรัสเซียต้องห่างเหินกันไปเพราะอยู่กันคนละค่าย รัสเซียเองก็มีปัญหาภายในไม่น้อยทำให้ความมั่นคงยิ่งใหญ่ของประเทศที่เคยได้ชื่อว่ายิ่งใหญ่และร่ำรวยที่สุดในโลกมีฐานะทางเศรษฐกิจตกต่ำลง เจริญก้าวหน้าช้ากว่าประเทศมหาอำนสาจทางตะวันตก อย่างไรก็ตามรัสเซียภายให้การนำของปูตินที่แม้จะถูกวิพากษ์วิจารณ์มากมายในเรื่องของความเป็นเผด็จการก็ได้มีการเปิดประเทศติดต่อค้าขายกับต่างชาติมากขึ้น มีนักท่องเที่ยวจากรัสเซียและชาติอื่นๆสลับกันไปมาหาสู่กันอย่างกว้างขวาง

การไปเยือนรัสเซียของดิฉันมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการด้วยกัน คือ มีทั้งเรื่องของการพัฒนาความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการและวิจัย แถมด้วยการท่องเที่ยวทัศนศึกษาด้านวัฒนธรรมของรัสเซีย และเพื่อสังเกตการณ์ความพร้อมของรัฐบาลและภาคเอกชนของรัสเซียในการต้อนรับมหาชนที่จะหลั่งไหลไปชมบอลโลกด้วย จะไปรัสเซียทั้งทีก็ต้องเดินทางด้วยสายการบินของรัสเซียคือ แอร์โรฟลอต ซึ่งบินตรงจากกรุงเทพเข้ามอสโก สำหรับเรื่องของความสะดวกสบาย อาหาร และบริการของสายการบินก็ขอชมเชยว่าไม่แพ้สายการบินชาติอื่นโดยทั่วๆไป แต่คงแพ้สายการบินของชาติตะวันออกกลางที่ทำให้การบินชั้นเฟิร์สคลาสและชั้นธุรกิจเป็นระดับ 5 ดาวจริงๆ ทั้งในเรื่องของอาหารเครื่องดื่ม ห้องรับรองที่เหมือนการนั่งหาความสำราญในเล้านจ์ของโรงแรม อาหารและเครื่องดื่มเลิศรสที่เสิร์ฟไม่อั้น เรื่องนี้สายการบินตะวันออกกลางบางสายทำได้เยี่ยมยอดค่ะ

อย่างไรก็ตามเมื่อเครื่องบินแตะพื้นนครมอสโกและต้องเดินเข้าแถวผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้แหละที่เริ่มสัมผัสกับความวุ่นวายล่าช้า เริ่มจากป้ายบอกการจัดแถวของผู้เดินทางเข้าเมืองที่เป็นรัสเซียและคนต่างชาติที่มองหาไม่ค่อยเห็น แถมเป็นภาษารัสเซียที่อ่านไม่ออก ต้องคอยสอดส่ายสายตามองหาเจ้าหน้าที่ที่มีสีหน้าออกอาการหงุดหงิดไม่เป็นมิตร พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ ทำให้ชาวต่างชาติต้องเริ่มพึ่งพาตนเอง จากนั้นก็เป็นการเข้าแถวที่ไม่เป็นแถว ประมาณแถวเรียงสี่ต่อเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง 1 คน และไม่มีใครเป็นกรรมการตัดสินเสียด้วยว่าหนึ่งในสี่ที่เข้าแถวรอ ใครจะได้ไปก่อน ตอนนี้ที่เริ่มมีการแซงคิวกันอย่างอุตลุด อีกทั้งกระบวนการตรวจคนเข้าเมืองก็ล่าช้า ยิ่งถ้าเป็นคนต่างชาติที่หน้าตาออกแนวแขกตะวันออกกลางด้วยยิ่งแล้ว ใช้เวลาเฉลี่ยรายละ 10 นาทีเลย สรุปก็คือกว่าดิฉันจะหลุดจากด่านตรวจคนเข้าเมืองก็เสียเวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในใจก็นึกว่าเวลาแฟนบอลแห่เข้าประเทศมากเป็นแสนๆล้านๆคน จะต้องใช้เวลาผ่านการตรวจคนเข้าเมืองนานแค่ไหนกันหนอ นอกจากการทำงานของเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่ออกแนวล่าช้าแล้ว ยังพบว่าเจ้าหน้าที่ของทั้งภาครัฐและเอกชน เช่น ธนาคาร สถานที่แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ พนักงานตามร้านอาหารโดยทั่วไปก็ทำงานล่าช้าเช่นกัน คอยไปเถิด พวกเขาก็จะไม่เร่งรีบขึ้นสักเท่าไร เพราะเท่าที่ศึกษาดูค่านิยมในการทำงานของชาวรัสเซียแล้ว พบว่าชาวรัสเซียไม่เคร่งครัดเรื่องเวลาค่ะ สไตล์ชิลลลล์มาก รอไปละกัน

ในแง่ของบ้านเมืองและถนนหนทางและระบบขนส่ง สังเกตว่าถนนหนทางและตึกรามบ้านช่องในมอสโกใหญ่โตแข็งแรงมาก ถนนบางสายมีถึง 10 เลนหรือ 12 เลนก็มี กว้างมาก แต่ในช่วงชั่วโมงเร่งรีบ ถึงมี 12 เลน รถก็ติดค่ะ ระบบขนส่งมวลชน เช่นรถไฟความเร็วสูง รถไฟธรรมดา รถใต้ดิน รถประจำทาง เรือโดยสารข้ามฟาก ถือว่ามาตรฐานดี สะดวกรวดเร็วปลอดภัย ตามถนนหนทางและแม่น้ำลำคลองมีต้นไม้ใหญ่ยืนเรียงรายเขียวชอุ่ม ที่น่าชมเชยคือไม่เห็นขยะตามถนนและตามลำคลองเลย สะอาดค่ะ เหมือนไปสิงคโปร์เลย รู้สึกว่าทางการจะให้ความสนใจกับเรื่องของต้นไม้ดอกไม้มาก ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเตรียมตกแต่งบ้านเมืองเพื่องานบอลโลกหรือเปล่า เมื่อถึงโรงแรมก็พบว่าเจ้าหน้าที่ของโรงแรมพูดภาษาอังกฤษได้เพียงคนเดียว พนักงานในภัตตาคารของโรงแรมก็เช่นกัน ขนาดเป็นระดับโรงแรมฮิลตันของมอสโกที่เป็นเมืองหลวงก็ยังมีพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ทั้งนี้ไม่ต้องพูดถึงพนักงานตามร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ เจ้าหน้าที่ขายตั๋วเข้าชมของพิพิธภัณฑ์และแหล่งท่องเที่ยว ยิ่งแท็กซี่และพนักงานบนรถประจำทางพูดอังกฤษไม่ได้เลย

สรุปว่าบรรดาผู้คนชาวรัสเซียที่ได้พบตลอด 7 คืนในประเทศนี้พูดภาษาอังกฤษได้น้อยกว่า 10% เฮ้อ...เหนื่อยค่ะ ต้องอาศัยประสบการณ์ที่เดินทางต่างประเทศบ่อย ทำให้สามารถเอาตัวรอดในการสั่งอาหาร ขึ้นรถประจำทาง รถใต้ดิน และซื้ออาหารตามทางเช่น แม็คโดนัลส์ได้ หากคิดจะเรียกแท็กซี่ ขอแนะนำให้เรียกอูเบอร์ค่ะ แม้คนขับจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ท่านสามารถระบุจุดรับส่งได้ ดีกว่าเรียกแท็กซี่ตามถนนหนทางที่คนขับเป็นชาวต่างชาติที่ขี้โกงมิเตอร์ เจอมาแล้ว แสบจริงๆค่ะ ทั้งนี้คนรัสเซียเองแม้จะทำงานช้าและมีอาหารหน้างอหรือหน้าเย็น ต้องถือว่ามีน้ำใจ เพราะเวลาที่ดิฉันกางแผนที่หรือหันซ้ายหันขวามองหาทิศทาง จะมีคนรัสเซียเข้ามาช่วยเสมอ มีแม้กระทั่งพาเดินไปซื้อตั๋วรถไฟก็มี

ถามว่าเข็ดไหมหากจะต้องไปรัสเซียอีก ขอตอบว่าไม่เข็ดค่ะ เพราะบ้านเมืองของเขาสวยมาก บรรดาพระราชวัง โบสถ์ สมบัติของราชวงศ์ วัฒนธรรม สวนดอกไม้ และธรรมชาติสวยงามมากและได้รับการดูแลรักษาจากรัฐบาลเป็นอย่างดี โชคดีที่รัสเซียไม่เหมือนอินเดีย กรีซ และอียิปต์ที่ถูกประเทศมหาอำนาจตะวันตกขนเอาสมบัติมีค่าเช่นเพชรนิลจินดา มัมมี่ สถาปัตยกรรม เช่น เสาโอเบลิสก์ และศิลปกรรมรูปปั้นต่างๆไปไว้ในพิพิธภัณฑ์ในประเทศของตนอย่างหน้าตาเฉย ขอยกย่องชมเชยและยอมรับว่าความสวยงามและความมั่งคั่งของสิ่งประดับประดาในวัง และโบสถ์ เช่น เสาโบสถ์หรือคานที่ทำจากหินมีค่าได้แก่ มาลาไคต์สีเขียว ลาปิส ลาซูลีสีน้ำเงิน ห้องในพระราชวังแคทเธอรีนที่ประดับด้วยอำพันสีน้ำตาลทอง ฯลฯ ทำให้วังอื่นๆในโลกด้อยความงามลงไปถนัดใจ ใครที่ชอบศิลปวัฒนธรรมของสวยของงาม หากมีโอกาสให้ลองไปเยือนรัสเซียค่ะ

การเป็นเจ้าภาพบอลโลกจัดงานใหญ่ในครั้งนี้น่าจะทำให้รัฐบาลและชาวรัสเซียมองเห็นแนวทางในการพัฒนาประเทศเพื่อยกระดับสู่ความเป็นโลกาภิวัฒน์ได้เร็วขึ้น คือเรื่องของภาษา ระบบการบริหารจัดการที่เน้นความรวดเร็ว และจิตสำนึกในการให้บริการ ซึ่งสามปัจจัยนี้น่าจะทำให้รัสเซียก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำโลกได้เต็มภาคภูมิโดยไม่ยากจนเกินไป เพราะความพร้อมทางด้านอื่นก็มีอยู่พอสมควรแล้ว