รายงานของไทม์และวอชิงตันโพสต์

รายงานของไทม์และวอชิงตันโพสต์

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นิตยสารไทม์และ นสพ.วอชิงตันโพสต์ ซึ่งเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการสื่อพิมพ์รายงานขนาดยาวเกี่ยวกับเมืองไทย

รายงานในไทม์ส่วนใหญ่มาจากการสัมภาษณ์พิเศษนายกรัฐมนตรีไทย เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. จึงมุ่งเน้นไปที่ความคิดและกิจทางด้านการเมืองของนายกฯ ส่วนรายงานในวอชิงตันโพสต์เขียนโดยผู้สื่อข่าวจากในเมืองไทยครอบคลุมหลายประเด็นกว่า

ไทม์พิมพ์รายงานพร้อมขึ้นปกเป็นรูปนายกฯ ออกมาก่อน หลังจากนั้นมีรายงานในสังคมออนไลน์ว่ารัฐบาลไทยห้ามขายนิตยสารฉบับนั้น ทำให้ผมไปค้นหาฉบับออนไลน์มาอ่านทันที แต่เพียงไม่นานมีการแก้ข่าวว่ารัฐบาลไทยมิได้ห้ามวางจำหน่ายส่งผลให้เกิดความสับสนสำหรับคนไทยที่ติดตามข่าวอยู่ในต่างประเทศ จากมุมมองของเทคโนโลยี ความสับสนนี้มองได้ว่าเป็นอีกลักษณะหนึ่งของคำสาปของเทคโนโลยีซึ่งคอลัมน์นี้อ้างถึงหลายครั้ง ในกรณีนี้ เทคโนโลยีเอื้อให้ผู้ใช้สังคมออนไลน์เป็นสื่อกระจายข่าวสารข้อมูลออกไปได้อย่างกว้างทันที แต่หากข่าวสารนั้นเป็นข้อมูลที่ไม่ควรเผยแพร่ หรือเป็นความเท็จถูกเผยแพร่ออกไปโดยผู้ไร้คุณธรรม ความเสียหายใหญ่หลวงอาจเกิดขึ้น

สำหรับรายงานในไทม์ อาจมีผู้ที่อยู่ในรัฐบาลต้องการห้ามจำหน่ายเนื่องจากเนื้อหาอาจมองได้ว่าไม่เป็นผลดีต่อนายกฯ และรัฐบาลทั้งที่เขานำภาพนายกฯ ขึ้นปกนิตยสาร รายงานบ่งว่านายกฯ ให้สัมภาษณ์เป็นภาษาไทยและมีล่ามแปลให้ผู้สื่อข่าวฟัง เนื่องจากผมไม่สามารถฟังคำตอบของนายกฯ เป็นภาษาไทยได้ จึงไม่แน่ใจว่าคำแปลของล่ามและความหมายที่ผู้สื่อข่าวได้ยินนั้นตรงตามที่นายกฯ ต้องการสื่อทุกอย่างหรือไม่ ฉะนั้น เป็นไปได้ว่าสิ่งที่ผู้สื่อข่าวเขียนออกมามีนัยเป็นลบมากเกินไปยกเว้นในบางกรณีที่มีข้อมูลสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรม เช่น รัฐธรรมนูญใหม่จะให้มีสมาชิกรัฐสภาถึง 750 คนประกอบด้วยวุฒิสมาชิกจากการคัดสรร 250 คนและ ส.ส. จากการเลือกตั้ง 500 คน และกองทัพจะยังมีบทบาทโดยตรงในทางการเมือง ส่งผลให้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยของไทยยังไม่เดินไปข้างหน้าแม้จะเปลี่ยนการปกครองมา 85 ปีแล้วก็ตาม หรือนายกฯ เลี่ยงที่จะตอบว่าตนจะเข้าช่วงชิงตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทั้งที่ตอนหนึ่งตอบว่าต้องการทุ่มเทเวลาให้แก่ครอบครัว

ส่วนรายงานของวอชิงตันโพสต์เป็นเรื่องราวของวงการสงฆ์ไทยซึ่งอาจมองได้ว่าเนื้อหาส่วนหนึ่งชมผลงานของรัฐบาลปัจจุบัน กล่าวคือ วงการสงฆ์ไทยถูกปล่อยให้เน่าเรื้อรังมานานเพราะไม่มีรัฐบาลในอดีตกล้าแตะต้อง รัฐบาลปัจจุบันเพิ่งจับพระผู้ใหญ่หลายรูปสึกและส่งเข้าห้องขังด้วยข้อหาต่าง ๆ รวมทั้งการยักยอกเงินจำนวนมาก กระบวนการนี้ยังไม่จบเนื่องจากวัดและพระอีกจำนวนหนึ่งยังอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่รายงานมิได้ชมผลงานของรัฐบาลในด้านนี้ทั้งหมดเนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถจับกุมพระธรรมชโยมาเข้ากระบวนการยุติธรรมได้ทั้งที่ทุ่มทั้งกำลังคนและเวลาอยู่เป็นเวลานาน

รายงานยกธรรมกายมาเป็นตัวอย่างของการแตกแยกในวงการสงฆ์และการเบี่ยงเบนกิจการของวัดไปในทางมุ่งเน้นการสร้างบุญด้วยทรัพย์ ซึ่งแต่ละปีนับเป็นหลักหมื่นล้านบาท ผู้เขียนรายงานอ้างความเห็นของฝรั่งที่ศึกษาสภาพความเป็นไปในการปฏิบัติพุทธศาสนาในเมืองไทยหลายคนและอ้างถึงความเห็นของชาวไทยอายุ 27 ปีหนึ่งคน แต่ความเห็นของชาวไทยคนนี้มีนัยสำคัญมากเนื่องจากเขาไม่ค่อยไปวัดเพราะหมดศรัทธาในตัวพระแล้ว ผู้เขียนมองว่าการปฏิบัติพุทธศาสนาในเมืองไทยตกอยู่ในภาวะวิกฤติซึ่งผมมองว่าไม่น่าผิดและจะต้องพยายามแก้ไขกันต่อไปอีกนานไม่ว่าใครจะเข้ามานำรัฐบาลต่อไปก็ตาม

รายงานนี้จบด้วยเรื่องของการจับกุมพระพุทธอิสระซึ่งมีผู้อ้างว่าใกล้ชิดกับนายกรัฐมนตรี พระพุทธอิสระเพิ่งมาถูกจับตอนนี้ทั้งที่ต้นตอของข้อหาเกิดมาหลายปีแล้ว รายงานสรุปว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะกระบวนการยุติธรรมไทยไร้ความแน่นอน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้กำอำนาจซึ่งจะทำอะไรเมื่อไรก็ได้หมด

หลังจากอ่านรายงานทั้งสองนี้ ผมมีความรู้สึกไม่ดีนัก ทั้งนี้เพราะแก่นของรายงานยืนยันแนวโน้มที่ผมเห็นมาเป็นเวลานาน นั่นคือ เมืองไทยเริ่มเป็นไข้หนักจากโรคละตินอเมริกันเนื่องจากทั้งด้านบริการ ด้านนิติบัญญัติและด้านตุลาการพากันเสื่อมถอย