ความเสี่ยงตลาดหุ้นมากเพียงไหน

ความเสี่ยงตลาดหุ้นมากเพียงไหน

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และภูมิภาคเอเซียยังคงไม่สดใส

ตลาดหุ้นไทยยังคงถูกนักลงทุนต่างชาติเทขาย แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยทีมวิจัยบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวงและโบรกเกอร์อื่นคาดว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนจะขยายได้ราว 8-12% สำหรับผลประกอบการปี 2018 และตลาดหุ้นไทยซื้อขายบนคาดการณ์ค่าพีอี (ราคาเทียบกับกำไรต่อหุ้น) ที่ระดับ 15.57-16.15 เท่าซึ่งใกล้เคียงกับภูมิภาคเอเซีย

แต่เนื่องจากปัจจัยภายนอกประเทศที่กระทบตลาดหุ้นไทย ไม่ว่า ความกังวลจากสงครามการค้า อัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐขึ้น ค่าเงินผันผวน และตลาดตราสารหนี้กลุ่มประเทศลาตินอ่อนแอ ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจต่อทิศทางการลงทุนในตลาดหุ้น แต่ดัชนีวัดด้านความเสี่ยงตลาดหุ้นที่เราติดตามอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าราคาทองคำ ดัชนีวัดค่าความผันผวนตลาดหุ้นสหรัฐ และไทย ค่าเงินภูมิภาคเอเซีย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเอเซีย ยังคงปกติ

การปรับตัวของตลาดหุ้นไทยจากจุดสูงสุดเดือนมกราคมถึงปัจจุบันเท่ากับ -6.4% ซึ่งยังคงอยู่ในภาพตลาดหุ้นที่ปรับตัวปกติเช่นกัน ก็ยังบ่งชี้ว่า correction phase ของตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันยังคงใกล้เคียงกับตัวเลขสถิติในอดีต

เครื่องมือวัดความเสี่ยงที่นักวิจัยฯ บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องจากระดับเสี่ยงสูงสู่ระดับเสี่ยงต่ำ ซึ่งค่อนข้างตรงกันข้ามกับ การวิเคราะห์ด้านเทคนิคที่ประเมินว่าความเสี่ยงสูงขึ้น เราพบว่าเม็ดเงินของนักลงทุนมีการปรับพอร์ตที่แตกต่างกันสำหรับปี 2013 และ ปี 2015 ซึ่งทั้งช่วงเวลาดังกล่าว พอร์ตมีน้ำหนักกระจายตัวสู่หุ้นมูลค่าตลาดขนาดเล็ก-กลางค่อนข้างมาก เศรษฐกิจตัวน้อย ซึ่งแน่นอนค่อนข้างอ่อนไหวกับการอ่อนตัวของตัวเลขเศรษฐกิจ นโยบายรัฐบาลที่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ปัจจุบัน เม็ดเงินตลาดหุ้นกระจายตัวในหุ้นมูลค่าตลาดขนาดใหญ่ที่บริหารจัดการได้ดีกว่า แบรนด์แข็งแรงกว่า กระแสเงินสดมั่นคงกว่า อัตราเงินปันผลมากกว่าผลตอบแทนตราสารหนี้ และสามารถปรับเปลี่ยนกระจายความเสี่ยงด้านธุรกิจไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น

แน่นอน บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย และภูมิภาคเอเซียยังคงไม่สดใส แต่นักลงทุนก็มีโอกาสได้เลือกซื้อหุ้นที่ดีในราคามูลค่าที่ถูกลง แล้วเมื่อปัจจัยภายนอกเริ่มกลับตัวเป็นบวก ราคาหุ้นย่อมมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น และสร้างอัตราผลตอบแทนให้กับเราได้

กลยุทธ์การลงทุน คือ การกระจายความเสี่ยงด้านการลงทุนผ่านกองทุน ETF อาทิเช่น BSET100 ซึ่งช่วยให้ท่านสามารถกระจายลงทุนในหุ้นได้ด้วยปริมาณที่จำกัด โดยกองทุนนี้จะลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ของประเทศไทย 100 บริษัทแรก ซึ่งแน่นอนมีองค์ประกอบของความได้เปรียบในหลายประการ อย่างที่เรากล่าวถึงในช่วงแรก

สำหรับการเก็งกำไร อาจเหมาะสำหรับนักลงทุนมือเก๋า ที่ต้องการผู้แนะนำที่มากด้วยประสบการณ์เป็นเพื่อนคู่คิด มากกว่าการเก็งกำไรโดยซื้อขายผ่านออนไลน์ โดยที่ท่านนักลงทุนอาจขาดประสบการณ์ ข้อมูลที่เหมาะสมเพียงพอ