คิดสร้างสุข (จบ)

คิดสร้างสุข (จบ)

ยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทำวันนี้ให้ดีที่สุด อย่ามัวเสียเวลาไปกับการนึกถึงความสำเร็จหรือล้มเหลวในอดีต

ธุรกิจด้านดิจิทัลมีความผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา การอยู่ในธุรกิจนี้จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องหาทางสร้างสมดุลในการใช้ชีวิตทั้งหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว เราจึงควรแสวงหาความสุขจากทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวอยู่เสมอ

ข้อคิด “สร้างสุข” ที่เคยแนะนำไว้ในคอลัมน์นี้ข้อแรกคือต้องหมั่นทบทวนตัวเอง เพื่อหาจุดดีและจุดอ่อนเพื่อปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในวันต่อมา ข้อสองคือการถ่ายทอดสิ่งที่ดี เรื่องราวดี ๆ และเคล็ดลับดี ๆ ที่เราค้นพบให้กับผู้คนรอบข้างเพื่อให้เขาขยายผลดีจากจุดเริ่มต้นของเราไปให้มากที่สุด

ข้อสามคือต้องรู้จักพึงพอใจกับผลงานที่ได้ แม้จะไม่สมบูรณ์แบบแต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดจากความพยายามเต็มที่แล้วไม่ว่าจะเป็นของตัวเราเองหรือของลูกน้อง ไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวังก็ต้องยอมรับและหาความพอในตัวเองให้ได้เพื่อสร้างกำลังใจในการก้าวเดินต่อไป

ข้อสี่คือการมองเห็นคุณค่าของตัวเองเพื่อสร้างรากฐานในการพัฒนาตัวเองต่อไปในอนาคต ข้อห้าต้องรู้จักตั้งเป้าหมาย อย่าปล่อยให้ตัวเองและลูกน้องทำงานไปอย่างไร้ทิศทางและขาดเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว พร้อมทั้งซอยเป้าหมายออกเป็นส่วน ๆ เพื่อให้บรรลุแต่ละช่วงได้ง่ายขึ้น

ข้อหกคือรู้จักปล่อยวาง เพราะบางครั้งการปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับปัญหาก็ไม่สามารถช่วยให้อะไรดีขึ้นได้ การยอมรับและปล่อยวางจะช่วยให้เราถอยกลับมามองเห็นปัญหาในภาพกว้างได้และค่อย ๆ กลับไปจัดการมันทีละส่วน ๆ ได้ในภายหลัง

แต่การจะทำเช่นนั้นได้เราต้องรู้จักเปิดและปิดสวิทช์ในใจเราให้ได้เสียก่อน เพราะบางครั้งการเปิดสวิทช์คือเดินหน้าจัดการปัญหาเฉพาะหน้าแต่เพียงอย่างเดียวอาจไม่ช่วยอะไรเลย ตรงกันข้ามกับการปิดสวิทช์เพื่อให้เวลาในการพิจารณาปัญหาที่กำลังพันเป็นก้อน ดังนั้น การปิดสวิทช์และดึงตัวเองออกมาจากปัญหาจะทำให้เรามีเวลาพอที่จะแยกปัญหาที่พันกันรุงรังนั้นออกมาเป็นเส้น ๆ เพื่อให้เป็นปัญหาชิ้นเล็ก ๆ ที่ทำให้เราแก้ไขได้ง่ายขึ้น

ต่อกันในข้อที่เจ็ดต้องคิดอยู่เสมอว่าเราสามารถทำสิ่งดี ๆ ในแต่ละวันได้เหมือนเป็นกำไรชีวิต เพราะเราไม่รู้ว่าจะจากโลกนี้ไปในวันไหน การได้ตื่นขึ้นมาและใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขเหมือนคนทั่วไปจึงถือว่าเป็นโชคดีขั้นแรกแล้ว การใช้ชีวิตของเราสร้างสิ่งดี ๆ ให้เกิดขึ้นจึงยิ่งทำให้ชีวิตเรามีคุณค่ายิ่งขึ้นไปอีก 

แม้จะเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำได้โดยไม่ต้องออกแรงมากมาย เช่นคนทำงานทุกคนคงเคยมีประสบการณ์ในลิฟต์โดยสารที่มักจะมีคนพยายามจะวิ่งเข้ามาในจังหวะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด โดยการออกแรงช่วยกดปุ่มเปิดประตูให้เขาก็ดูเหมือนว่าเราไม่ต้องลงทุนอะไรมากนักแต่ผลที่ได้อาจหมายถึงการไปทำงานทันเวลาแบบฉิวเฉียดของเขา เขาจึงแสดงอาการอขอบอกขอบใจอย่างเต็มที่เพราะเกือบไปทำงานสาย 

ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราพบเห็นได้ในชีวิตประจำวัน ในขณะที่บางคนจะชาชินและเสียโอกาสในการทำสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ช่วยเหลือคนรอบข้างได้ การสร้างสิ่งดีให้กับคนอื่นรอบข้าง ทั้งเพื่อน พี่น้อง คู่ค้า ลูกค้า ไม่จำเป็นต้องอาศัยเงินทองหรือต้องลงทุนลงแรงมากมาย เพราะสิ่งที่เขาต้องการอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ได้สำหรับเรา แต่ส่งผลยิ่งใหญ่มหาศาลกับตัวเขาก็เป็นได้ ในแต่ละวันเราจึงต้องทบทวนเสมอว่ามีอะไรที่เราสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้บ้าง 

การยอมรับทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพราะสิ่งที่กำลังทำนี้คือการสร้างอนาคต อย่ามัวเสียเวลาไปกับการนึกถึงความสำเร็จหรือล้มเหลวในอดีตเพราะมันเป็นสิ่งที่เราแก้ไขอะไรไม่ได้ และต้องคิดอยู่เสมอว่าการลงมือทำในวันนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การเริ่มทำอาจต้องเริ่มจากศูนย์แต่หากทำได้สัก 30% แม้จะไปไม่ถึงเป้าที่ตั้งไว้ 100% ก็ถือว่าได้ลงเรียนรู้และลงมือทำจริง ซึ่งหากทำได้ 100% สำเร็จก็ยิ่งถือว่าเราสร้างอนาคตได้จริง ตรงกันข้ามกับคนที่ติดขัดอยู่ที่จุดเริ่มต้นและไม่รู้ว่าจะก้าวไปทางใด เพราะเขาจะไม่มีวันสร้างความสำเร็จใด ๆ ได้เลย