ยุคต่อจากสมาร์ทโฟน

ยุคต่อจากสมาร์ทโฟน

ผู้ที่ติดสมาร์ทโฟนเป็นยาเสพติดบางคนอาจสงสัยว่า เราเป็นขี้ยากันมาประมาณ10ปีแล้ว ต่อจากนี้ไปจะมีอะไรให้เราเสพอีก

ข้อสงสัยนี้สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ IMF และMorgan Stanley ที่ว่าโลกกำลังอยู่ในขั้นแรกของการเปลี่ยนผ่านจากปลายยุคของอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่(mobile internet ซึ่งครอบคลุม ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเบล็ท แล็ปท็อปและเครื่องมือชนิดอื่น) สู่ยุคใหม่ของคอมพิวเตอร์ที่ใช้ข้อมูลเป็นศูนย์กลาง(data-centered computing era) หลักฐานที่เริ่มเห็นก็คือ ขณะนี้ยอดขายสมาร์ทโฟนในระดับโลกไม่ขยายตัวร้อนแรงดังที่เคยเป็นมา

ปรากฏการณ์นี้เป็นข่าวดีสำหรับบางเศรษฐกิจในเอเชียซึ่งได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเทคโนโลยีไอทีมานาน การขยายตัวอย่างร้อนแรงของอุปกรณ์ยุคใหม่ ซึ่งได้แก่เครื่องมือหรืออุปกรณ์เทคโนโลยีที่พกติดตัวได้และเครื่องใช้ไฟฟ้าประจำบ้านที่เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตช่วยคานยอดขายสมาร์ทโฟนที่เย็นลงไปพอควร ซึ่งมีผลกระทบต่อผู้ผลิตในประเทศเหล่านี้อยู่ในปัจจุบัน

อุปกรณ์ยุคใหม่กำลังปรากฏตัวชัดขึ้นมาทุกขณะโดยกำลังแข่งขันและกำลังทดแทนอุปกรณ์อินเตอร์เน็ตเคลื่อนที่ ซึ่งสิ่งใหม่เหล่านี้รวมเทคโนโลยีหลายอย่างเข้าด้วยกันในตัวของมันเอง โดยอาศัยข้อมูลเป็นหัวใจ เช่น AI (Artificial Intelligence) / IOT (Internet Of Things ซึ่งหมายถึงการเชื่อมต่ออุปกรณ์หรือชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ที่ฝังตัวอยู่ในสิ่งรอบตัวเข้าด้วยกัน ผ่านอินเตอร์เน็ตโดยสามารถส่งและรับข้อมูลถึงกันได้) / Virtual Reality (เช่น สวมหมวกที่มีแว่นตาซึ่งเมื่อมองเข้าไปแล้วจะเห็นเสมือนว่าตนเองอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย)และAugmented Reality (เช่น ภาพในสมาร์ทโฟนที่ปรากฏข้อมูลบอกอายุของตึก สถานที่ของห้องน้ำ ภาพรถที่กำลังวิ่งมาจากอีกถนนหนึ่ง ข้อมูลพยากรณ์อากาศ ฯลฯ Google Glass คือ ประดิษฐกรรมที่รู้จักกันดี)

ตัวอย่างของอุปกรณ์ที่ขายดีอย่างมากในปัจจุบัน ได้แก่กล้องถ่ายรูปที่ติดอยู่กับตัวผู้ถ่ายตลอดเวลา(ที่สร้างสำหรับตำรวจและทหารสามารถบันทึกวิดิทัศน์และภาพถ่ายของผู้คนและสถานที่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นหน้าคน ป้ายทะเบียนรถ ข้อมูลที่ได้รับจาก IOT ในกล้องจะส่งไปวิเคราะห์หาความผิดปกติของสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นหรือตรวจจับบุคคลหลบหนีหรือรถที่คดีค้างอยู่โดยเทียบกับข้อมูลที่เก็บไว้)

ยอดขายทั่วโลกของกล้องติดตัวดังกล่าวคาดว่าจะถึง 5.6 ล้านหน่วยใน ปี 2021 ซึ่งเป็น 3 เท่าของยอดขายประมาณ 1.6 ล้านหน่วยใน ปี 2018

อุปกรณ์อื่นได้แก่ สมาร์ทวอช ซึ่งให้ข้อมูลสุขภาพ การออกกำลังกาย จำนวนก้าว ที่เดิน แคลอรี่ที่เผาผลาญ การเต้นของหัวใจ ตลอดจนข้อมูลต่างๆ  จากสมาร์ทโฟนฯลฯนั้นคาดว่า จะขายได้ 81 ล้านเรือนในปี 2021 โดยเพิ่มขึ้นจาก 48 ล้านเรือนในปี 2018

การใช้โดรนและหุ่นยนต์เพื่อรับใช้มนุษย์ได้แก่การสำรวจพื้นที่เกษตรกรรมทางอากาศ การพยากรณ์ผลผลิต ความบันเทิง การถ่ายภาพมุมไกล ฯลฯของโดรนและเครื่องดูดฝุ่น อุปกรณ์ทุ่นแรงในบ้านในการยกหรือแบกหาม การเป็นเพื่อนมนุษย์ในรูปของคนหรือ สัตว์เลี้ยง ฯลฯฃองหุ่นยนต์ก็จะขยายตัวเช่นเดียวกัน โดยคาดว่ายอดขายจะเพิ่มอีกหนึ่งเท่าตัวในปี2 021

เทคโนโลยีทั้ง AI / IOT / Virtualและ Augmented Reality ตลอดจนเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตและคอมพิวเตอร์ จะเชื่อมประสานกันเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่รับใช้มนุษย์ ไม่ว่าในการทำงานหรือบันเทิงได้อย่างน่าพอใจมากกว่าการเป็นเพียงmobile internetเท่านั้น

ดีมานด์ของอุปกรณ์เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อผู้บริโภคเห็นประโยชน์(สัพพลายเป็นตัวสร้าง ดีมานด์) และจะก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า derived demand ของอุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กโทรนิกส์ของสินค้าใหม่เหล่านี้ตามมา ซึ่งกลุ่มประเทศจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและมีฐานการผลิตเดิมอยู่แล้วจะได้ประโยชน์ส่วนใครจะได้จะเสีย จะได้มากกว่ากันนั้น ยากที่จะหยั่งรู้ได้เนื่องจากเทคโนโลยีมีความก้าวหน้าตลอดเวลาจนมีสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดอยู่เสมอ ( Sony กำลังพัฒนา sensors สำหรับเทคโนโลยี 3D ที่มีประสิทธิภาพโดยเชื่อมต่อกับ IOT กล่าวคือสามารถ “อ่าน" สิ่งที่เป็น 3 มิติและนำไปประยุกต์ต่อได้อย่างคล่องตัว) ในขณะที่ดีมานด์ของผู้บริโภคในโลกก็พลิกผันอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

นอกเหนือจากการเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่หวือหวาและ “ทันสมัย” กว่าสมาร์ทโฟนแล้วการที่คนในโลกมีสมาร์ทโฟนกันมากขึ้นทุกที (มีประมาณการว่า มีคนใช้ 2.1 พันล้านคนในประชากรโลก 7 พันล้านคน) มีผลทำให้ยอดขายไม่พุ่งขึ้นมากเหมือนที่ผ่านมาจนเชื่อกันว่า ธุรกิจภาคสมาร์ทโฟนจะไม่รุ่งเหมือนที่เคยเป็นมา ถึงแม้ว่าในแต่ละปีจะมีจำนวนการผลิตมากมายกว่าอุปกรณ์ใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นก็ตาม แต่ประเด็นที่กล่าวถึงในที่นี้คือ แนวโน้มในอนาคตของธุรกิจเทคโนโลยีสมัยใหม่

ก้อนหินทุกก้อนที่ขว้างขึ้นไปแล้วต้องตกลงมาฉันใด สรรพสิ่งทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นความนิยมของสินค้า ลาภ ยศ และสรรเสริญ ตลอดจนสังขารก็ฉันนั้น ทุกอย่างแปรเปลี่ยนไปตามเวลาซึ่งเป็นศัตรูตัวสำคัญที่สุดของมนุษยชาติเพราะ มันทำลายทั้งความงามและความสุข

การยอมรับสัจธรรมของเวลาเท่านั้นที่จะทำให้พอรับเอามันมาเป็นเพื่อนได้