“สมคิด-สุเทพ” ขั้วที่ 3!

มิหนำซ้ำยังล้างขั้วอำนาจเก่าไม่ได้ เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ “กองหนุน” บิ๊ก คสช.อ้างความจำเป็น ต้องดันให้ทหารอยู่ต่อ

     แต่จะอยู่ต่อแบบไหน อย่างไร เป็นโจทย์สำคัญ

ทางเลือกน่าจะมีแค่ 2 ทาง คืออยู่ต่อแบบ“ยึดอำนาจ” กับอยู่ต่อแบบถูกต้องตามกติกาประชาธิปไตย

หากดูกระแสตอนนี้ ทางแรกกำลังเข้าสู่ทางลำบาก สัญญาณคนเบื่อหน่ายรวมตัวกันก่อม็อบไล่ไม่ยอมเลิกรา 

ขณะที่ทางที่สอง คือทางบังคับ ซึ่งเชื่อว่า บทเรียนในอดีตทำให้บรรดา บิ๊กคสช.ไม่กล้ากระโดดเข้ามาสู่สนามการเมือง เปิดหน้าตั้งพรรคแบบ “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญรัตกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ที่เพิ่งประกาศวางมือจากพรรคมาตุภูมิ

ฉะนั้นเส้นทางการเมืองของ คสช.ยุคนี้ จึงจำเป็นต้องใช้บริการนักการเมืองอาชีพ 

แต่นักการเมืองอาชีพ ที่มีต้นสังกัดใหญ่ แทบไม่มีใครแปรพักตร์ หันมาร่วมวงกับทหาร

บิิ๊กทหารตัดสินใจเชื่อ รองนายกฯ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ให้ทำหน้าที่ “ผู้จัดการ” แต่เดินเกมมาเป็นปี รองฯ สมคิด ก็ยังไม่ชัด ทั้งพลพรรคแนวร่วมและการเปิดตัวเอง

จะเพราะ "ชื่อชั้น" หรือ "มือไม่ถึง" ก็สุดจะเดา ถึงทำเอาพรรคใหม่ยังไปไม่ถึงไหน กลุ่มที่ไปเดินสายไปเจรจาก็ทำท่าจะถอยห่าง

นี่จึงเป็นที่มา ที่ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" ลุงกำนันแห่ง กปปส. กองหนุนหลัก คสช.ตัดสินใจ "ตระบัดสัตย์" โดดลงมาลุยเอง

กองเชียร์เชื่อว่าศักยภาพของ “สุเทพ” จะรวมพลังมวลชนให้เป็นกองหนุนหัวหน้า คสช.ไปต่อได้

การเปิดตัวของพรรครวมพลังประชาชาติไทย(รปช.) จึงเกิดขึ้น เปิดให้เห็นหน้าตาขุนพล และหน้าตักของพรรคนี้... แม้จะไม่มี เซอร์ไพรส์

สายสืบรายงานว่า รปช.ไม่ได้หวังจะเป็นพรรคเบอร์ใหญ่ ถ้าเบียดเข้าสภาฯไปได้ หวังแค่เป็นพรรคที่เข้าไปเป็น “ผู้จัดการรัฐบาล”

เป้าหมาย รวบรวมพลพรรคต่างๆ เข้ามาเป็นแนวร่วม สานต่อยุทธศาสตร์ปฏิรูปประเทศของ คสช.

นักสังเกตการณ์การเมืองกำลังประเมินยุทธวิธี “แยกกันเดิน” ระหว่างพรรคสมคิด พรรคสุเทพและพรรคแนวร่วม ว่าจะรอดเข้าไปรวมกันเป็น “ขั้วที่สาม” แห่งรัฐสภา ได้ง่ายๆ หรือ 

 

โดย...  นิภาวรรณ