คิดสร้างสุข

คิดสร้างสุข

ทุกคนล้วนอยากเปลี่ยนความหวังให้กลายเป็นความสำเร็จให้กับตัวเองทั้งนั้น

ภาวะโดยรวมของตลาดไอทีในบ้านเราถือได้ว่าสดใสพอสมควรในปีนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ที่กระตุ้นในทุกภาคส่วนปรับตัวเขาสู่ยุคดิจิทัลอย่างจริงจัง หลายองค์กรทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ลงไปถึงเอสเอ็มอี มีการปรับตัวรับดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น ทำให้การลงทุนในระบบไอทีขยายตัวอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในภาครัฐที่กำลังปฏิรูปกันขนานใหญ่

ระบบไอทีที่ภาครัฐจากที่อดีตเคยเป็นเรื่องซับซ้อน เข้าถึงยาก การลงทุนแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้เงินลงทุนสูง มีรายละเอียดเฉพาะด้านมากมาย และมีข้อจำกัดในหลายด้านเช่นเดียวกัน จนต้องมีการกำหนดสเปคที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชนบางราย จึงกำลังจะเปลี่ยนไปสู่การใช้ Platform as a Service คือไม่ต้องคิดถึงระบบราคาแพง แต่เป็นบริการที่ภาครัฐให้บริการกับประชาชนได้โดยตรงได้ในทันที

โดยบริการนั้นจะหลอมรวมทั้งเทคโนโลยีคลาวด์ อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ (ไอโอที) ข้อมูลมหาศาล (บิ๊ก ดาต้า) ปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) นวัตกรรมทางการเงิน (ฟินเทค) และบล็อกเชน เข้าด้วยกันเพื่อให้บริการประชาชนได้ผ่านระบบออนไลน์โดยตรง ซึ่งตัวระบบจะอาศัยแพลตฟอร์มภาครัฐที่ใช้บริการของเอกชนได้ ซึ่งเป็นแนวโน้มที่จะลดค่าใช้จ่ายในระบบไอทีระยะยาวได้

ตลาดไอทีในรอบปีนี้ จึงมีแนวโน้มเป็นบวก สอดรับกับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่น่าจะดีขึ้นพอสมควร ภาวะความกดดันตลอดหลายปีที่ผ่านมาจึงผ่อนคลายลงได้บ้าง ทำให้เรามีเวลาอยู่กับตัวเองมากขึ้น และเหลือเวลาที่จะใช้ขบคิดถึงเป้าหมายในอนาคตได้มากขึ้น

เนื่องด้วยเพราะทุกคนล้วนอยากเปลี่ยนความหวังให้กลายเป็นความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น แต่การปล่อยให้ความกดดันสร้างเป็นตัวขับเคลื่อนพลังในตัวเองมากๆ นั้นก็อาจสร้างความอ่อนล้าให้กับตัวเราได้เรื่อยๆ ซึ่งอาจทำให้เราไม่สามารถไปถึงเป้าหมายได้ และเราจึงจำเป็นต้องกลับมาคิดให้ดีว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้มาจากความรักและความชอบของตัวเราเองจริงหรือไม่ 

เพราะงานใดๆ ก็ตามที่เราทำด้วยความสุข และมีความสนุกอยู่ในใจก็จะยิ่งทำให้เราทำงานนั้นๆ ด้วยใจที่คิดบวก มีความสุขกับสิ่งที่ทำ และเพลิดเพลินกับทุกจังหวะในการทำงานไม่ว่าจะเป็นช่วงที่ดีหรือไม่ดีก็ตาม ความสุขจากการทำงาน จะทำให้เราสนุกที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา และมีแรงบันดาลใจให้แสวงหาความสำเร็จใหม่ๆ อยู่เสมอ

เคล็ดลับในการสร้างความสุขจากการทำงาน เริ่มต้นได้จากการทบทวนตัวเองอยู่เสมอในแต่ละวัน เราจึงควรคิดสิ่งต่างๆ เหล่านี้เมื่อสิ้นสุดในแต่ละวัน นั่นคือ 1. มีอะไรที่เราทำได้ดี และไม่ดีในวันนั้น หากหาเจอว่าไม่มีอะไรดีเลยชีวิตเราอาจมีปัญหาอะไรบางอย่าง แต่หากมีสิ่งดีก็ต้องรีบคิดว่าจะนำมาขยายผลอย่างไรเราจะสามารถต่อยอดผลจากการทำงานของเราได้อย่างไรบ้าง

2. สิ่งดีๆ ที่เราพบเจอในแต่ละวันนั้น จะถ่ายทอดหรือเผยแพร่ให้กับผู้อื่นได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นญาติ พี่น้อง เพื่อนร่วมงาน ซึ่งเรามีโอกาสสร้างให้เขาเก่งขึ้นได้ โดยเฉพาะลูกน้องที่ยิ่งเก่ง ก็ยิ่งทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น และทำให้เราสามารถยกประสิทธิภาพการทำงานขององค์กรโดยรวมได้โดยง่าย

3. รู้จักพอใจกับบางสิ่งในทุกๆ วัน แม้ว่าจะเป็นงานที่เครียดและกดดัน แต่ลึกๆ แล้วย่อมมีบางอย่างที่มีคุณค่าในแต่ละวัน ลูกน้องของเราทำงานไม่ได้ตามที่ต้องการ แต่เขาก็ทุ่มเทให้งานเสมอ ทุกอย่างจึงมีแง่มุมที่ทำให้เรารู้สึกดีได้ทั้งนั้น ดังนั้น การสร้างความคิดเชิงบวกจะช่วยสร้างกำลังใจให้กับตัวเราในทุกวัน เพื่อเริ่มวันใหม่ได้อย่างสดชื่นเสมอ เป็นการให้กำลังใจตัวเองและให้กำลังลูกน้องในทีมไปในตัว