คิดถึงดิจิทัล ต้องทำงานแบบดิจิทัล

คิดถึงดิจิทัล ต้องทำงานแบบดิจิทัล

ผู้บริหารแทบทุกคนชอบบอกให้ใครต่อใครปรับเปลี่ยนตนเองเข้ากับยุคดิจิทัล แต่ถ้าถามว่าต้องให้ปรับตัวอย่างไรบ้าง น้อยนักที่เราจะได้คำตอบตรงๆ

วาดวิมานให้เราเคลิ้มไปด้วย แต่พอเราจะไปจริงๆ ก็บอกไม่ได้ว่าเราจะต้องทำอย่างไร ซึ่งน่าเห็นใจคนใหญ่คนโตเหล่านั้น ที่แต่ละวันต้องสรรหาเรื่องใหม่ๆ มาป่าวประกาศให้ผู้คนได้เห็นได้ทราบว่า ตนเองนั้นสุดแสนจะทันสมัย

ทำงานแบบดิจิทัลต้องคิดแบบมีตรรกะ หนึ่งคือหนึ่ง ศูนย์คือศูนย์ ดังนั้นทำอะไรแบบดิจิทัล ไม่ได้แปลว่าทำเรื่องนั้นโดยใช้คอมพิวเตอร์ แต่แปลว่าทำอย่างมีเป้าประสงค์ที่ชัดเจน จะทำ TCAS รอบสามจุดหนึ่ง สามจุดสอง ไปจนกระทั่งสามจุดหนึ่งศูนย์ๆ ก็ต้องกำหนดไว้ก่อนหน้าลงมือทำ ว่าจะทำอะไรไปเพื่ออะไร แล้วพยายามรักษาเป้าประสงค์นั้นไว้อย่างคงเส้นคงวา จนกว่างานนั้นจะเสร็จ โลกดิจิทัลเปลี่ยนแปลงเร็ว หลายอย่างที่เคยจำเป็นต้องทำ วันนี้อาจไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป แต่ก่อนวิธีการยืนยันตัวตนใช้สำเนาบัตรประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้าน กระดาษยืนยันว่าคนนั้นได้ทำธุรกรรมกับเรา วันนี้ถ้าถามกันว่าทำไมต้องยืนยันตัวตนด้วยสำเนาที่อยู่ในกระดาษคงหาคนตอบชัดๆ ได้ยาก ถ้าตอบไม่ได้ว่าทำไม อาจหมายถึงว่าขั้นตอนการปฏิบัตินั้นไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป หรือเรื่องนั้นอาจทำได้ดีกว่าด้วยการเปลี่ยนมาใช้วิธีทำงานแบบอื่น ทำงานแบบดิจิทัลเน้นตรรกะว่าทำอะไร เพื่อให้ได้อะไรในภาพรวม แต่ไม่เสียเวลาไปเพื่อปะทะคารมในรายละเอียดปลีกย่อย ไม่มีลำตัดในการทำงานแบบดิจิทัล

โลกของการทำงานแบบดิจิทัล ยอมรับการทำงานแบบใหม่ๆ ทำแล้วไม่ดี ก็ปรับใหม่ได้เสมอ ไม่ติดอยู่กับวิธีที่เคยทำมาแต่ก่อน เพราะดิจิทัลส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของการงาน จากที่เคยต้องทำเองหมดทุกขั้นตอน ดิจิทัลอาจทำให้ขั้นตอนบางขั้นตอน เราไม่ต้องทำเอง แต่ให้ใครสักคนที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตในโลกนี้ทำให้แทน หรืออาจถึงขั้นที่เครื่องจักรมาทำหน้าที่แทนได้ การยึดมั่นถือมั่นกับวิธีการทำงานที่เคยทำมาแต่ดั้งเดิม ประหนึ่งเป็นพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ จะปรับเปลี่ยนแต่ละครั้งต้องมีพิธีกรรมมากมาย จึงเป็นอุปสรรคกับการทำงานในยุคดิจิทัลให้ได้ประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล เคยถ่ายทอดวิทยุในช่วงค่ำๆ ไปทุกสถานี ด้วยหวังว่าจะบังคับให้คนทุกคนต้องฟัง แล้วก็ทำเช่นนั้นมาแรมปี ตั้งแต่เริ่มมีวิทยุทรานซิสเตอร์จนกระทั่งวันนี้มีสมาร์ทโฟน เพียงแค่ถามตนเองว่าทำไปทำไม ก็จะได้คำตอบแล้วว่าวันนี้ควรกระทำดั้งเดิมหรือไม่ ใครก็ตามที่คิดจะทำทุกอย่างให้เหมือนเดิมเช่นในอดีต ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงดิจิทัลเช่นทุกวันนี้ คนนั้นไม่ใช่แค่ทำให้ตนเองตกยุค แต่ยังสร้างกรรมเวรให้คนรอบตัวที่ต้องทนทรมานกับการตกยุคนั้นไปด้วย ยุคใหม่มีไฮเปอร์ลูป แต่ยังต้องการให้เดินทางกันด้วยถนนลูกรังอยู่แบบเดิมๆ ท่านไม่ใช่แค่ทรมานตนเองในการเดินทาง แต่ท่านทำให้คนรอบตัวทรมานไปด้วย

ทำงานแบบดิจิทัล ไม่ผูกขาดความคิดและการตัดสินใจกระจุกไว้กับใคร หรือกลุ่มใด ความคิดของทุกคนมีคุณค่า ไม่มีการทอดทิ้งความคิดและการตัดสินใจที่แตกต่าง ในทางตรงข้ามกลับเสาะหาความคิดที่หลากหลาย เพื่อเฟ้นให้ได้ความคิดใหม่ๆ ที่นำไปสู่นวัตกรรม ถ้าใครที่เคยไปสิงคโปร์เมื่อ 20 กว่าปีก่อน แล้วกลับไปใหม่ในวันนี้ จะเห็นความแตกต่างนี้อย่างชัดเจน 20 ปีก่อนไปไหนมาไหนเห็นแต่ภาษาอังกฤษ วันนี้เห็นทั้งอินเดีย อาหรับ จีน และอังกฤษ เขาเชื่อว่าความคิดที่หลากหลายนำไปสู่การพัฒนาที่ก้าวไกล เหมือนที่บางคนชอบพูดถึง New S-Curve ซึ่งไม่มีทางเกิดขึ้นในวงการที่ตีกรอบความเชื่อ ความคิดไว้เพียงหนึ่งเดียว ถ้าโลกที่เจริญแล้ว เขาละทิ้งความคิดที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง วันนี้โทรศัพท์ที่ใช้คงยังกดปุ่มตัวเลขกันอยู่ ไม่มีสมาร์ทโฟนให้บางคนได้ใช้โพสต์เฟสบุ๊คให้ได้เห็นอย่างจำเจเหมือนวันนี้

ถ้าทำแบบดิจิทัลให้ดูเป็นตัวอย่างไม่ได้ ขออย่างเดียวเท่านั้น คือขอให้หยุดพูดเรื่องดิจิทัลกันเสียที เพราะยิ่งพูดยิ่งไกลดิจิทัลไปเรื่อยๆ