ไฟเขียว‘กรมประชาฯ’ หาเงิน = ติดไฟแดง‘สื่อเอกชน’

ผู้ประกอบการโทรทัศน์ระบบดิจิทัล กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการพักชำระค่าธรรมเนียมได้นานถึง 3 ปี  แต่ต้องเป็นไปภายใต้การยื่นหนังสือ แสดงเหตุผลต่อคณะกรรมการกสทช. งานนี้เหมือนเป็นการต่อลมหายใจให้กับ “ผู้ประกอบกิจการ” ที่เจอภาวะขาดทุนและหมดเงินที่จะไปชำระค่าประมูล 

คำสั่งและมาตรการนี้ดูเหมือนจะดี กลับไม่ได้ดีไปทั้งหมด เพราะ คำสั่งที่ 9/2561 มีส่วนพ่วงท้ายให้ “กรมประชาสัมพันธ์” หารายได้จากการโฆษณาได้ตามหลักเกณฑ์ที่กสทช.จะกำหนดขึ้น แม้จะขีดกรอบให้หลักเกณฑ์การหารายได้ทางอื่นของ “กรมประชาสัมพันธ์” จากเดิมที่มีรายได้ทางเดียวจากเงินสนับสนุนของรัฐว่าห้ามทำเพื่อมุ่งหาผลกำไรหรือสร้างผลกระทบกับผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์รายอื่น 

แต่ในชั้นนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า อาจจะมีผลกระทบเกี่ยวเนื่องกับ “ผู้ประกอบการสื่อของเอกชน”เพราะในบทบาทของ “องค์กรของรัฐ” ที่ให้ผลประโยชน์ตอบแทนอย่างอื่นกับเอกชนหรือบริษัทที่มุ่งแสวงหากำไรไปแบ่งกัน อาจมีข้อแลกเปลี่ยนที่แลกกับหนึ่งข้อ แต่ผลลัพธ์ได้ถึงสองก็เป็นไป และสุดท้ายผู้ประกอบการทีวีของเอกชน อาจจะเจอภาวะทางตัน ที่ถูกแย่งแหล่งเงินจากการโฆษณาไปก็เป็นได้เช่นกัน 

ขณะที่สถานการณ์ทางการเมือง หลัง “คสช.” กำราบ“ม็อบคนอยากเลือกตั้ง”จากนี้ไปหลายคนเชื่อว่า สถานการณ์บ้านเมืองจะมีความสงบและเข้าสู่โรดแมพเลือกตั้งตามที่ “บิ๊กตู่” ประกาศไว้ เดือนก.พ.2562  แต่นาทีนี้อาจยังมีความไม่แน่นอน​ว่า ใช่เดือนก.พ. จริงหรือไม่ เพราะแม้คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ​ต่อคำร้องในเนื้อหา ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. นั้นไม่ประเด็นที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ ทำให้ประเด็นนี้ เดินหน้าไปสู่กระบวนการประกาศใช้เป็นกฎหมาย 

แต่ยังมีส่วนที่ต้องจับตาในวันที่ 30 พ.ค.นี้ คือคำวินิจฉัยของร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.​ ที่นาทีนี้ มั่นใจได้ว่าไม่ขัดต่อสาระสำคัญของเนื้อหา หากศาลพิจารณาว่าประเด็นการลงคะแนนแทนคนพิการ, ตัดสิทธิเข้ารับหน้าที่ข้าราชการการเมืองขัดกับรัฐธรรมนูญ คิดเล่นๆ ว่า 30 พ.ค.คือ กระบวนการเริ่มต้นของการประกาศใช้เป็นกฎหมาย เมื่อกฎหมายลงประกาศต้องทอดเวลาออกไปอีก 90 วันถึงจะมีผลใช้บังคับ และถึงจะจัดการเลือกตั้งได้ ภายใน 150 วัน 

นั่นแปลว่า การเลือกตั้งอาจจะเกิดขึ้นได้ นับจากพ.ค.บวกไปอีก 16 เดือน!!

 

โดย... เทพจร