น้ำลดตอผุดในมาเลเซีย​

น้ำลดตอผุดในมาเลเซีย​

การเมืองมาเลเซียพลิกล็อคล้มคว่ำนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค เพราะสหพรรคตรงข้ามรัฐบาลรวมกันได้ ส.ส.จากการเลือกตั้งจำนวนเกินกว่าครึ่งหนึ่ง คือ

 111 ในจำนวน 222 คนแล้วอย่างแน่นอน ถ้าใครคิดว่าการเมืองไทยก็อาจมีโอกาสอย่างเดียวกันได้ กรุณาอ่านข้อมูลอันเลวร้ายสุดประกอบตัวนาจิบเพื่อการพิจารณา

ขอนำเนื้อหาของบทความที่ผู้เขียนเคยเขียนไว้เมื่อ 2 ปีกว่ามาแล้ว มาปรับปรุงเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจว่า เหตุใดคนมาเลเซียจึงรับนาจิบไม่ได้เลย เพราะการคอร์รัปชัน เรื่องชู้สาว ฆาตกรรม และการลุแก่อำนาจ

หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal ลงข่าวเมื่อกลางปี 2558 ว่ามีเงินไหลจากกองทุนที่มีชื่อว่า 1MDB (1Malaysia Development Berhad) จำนวน 700 ล้านดอลลาร์ เข้าบัญชีส่วนตัวของนายกรัฐมนตรี

กองทุน 1MDB ตั้งโดยนาจิบ ในปี 2008 โดยใช้เงินรัฐบาลเมื่อตอนเขาเป็นรองนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เกิดการลงทุนในตะวันออกกลาง หลังจากตั้งไม่นานก็ก่อหนี้มูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อผิดพลาดในการซื้อทรัพย์สินในด้านพลังงานและอสังหาริมทรัพย์

กองทุน 1MDB อื้อฉาวในหลายเรื่องเกี่ยวกับการใช้เงินกองทุน ในลักษณะซื้อทรัพย์สินจากเพื่อนเศรษฐีที่คุ้นเคยผู้บริหารกองทุนในราคาแพง แต่เวลาขายกลับขายราคาถูก จนหนี้ท่วมกองทุน นอกจากนี้ยังยักย้ายถ่ายเทเงินแบบซ่อนเงื่อนเข้าบัญชีนาจิบ

อื้อฉาวเรื่องเงินทองไม่พอ คดีเก่าที่ค้างคาใจคนมานานก็เริ่มมีการขุดขึ้นมาเพื่อเล่นงานนาจิบ เรื่องก็มีอยู่ว่าในปลายปี 2006 มีล่ามแสนสวย ชาวมองโกเลียถูกฆ่าอย่างทารุณ และเมื่อพิสูจน์ศพก็พบว่าเธอกำลังท้องอยู่ ตำรวจถูกแรงกดดันให้เหยียบเบรกในคดีฆาตกรรมนี้ ถึงแม้จะรู้ตัวฆาตกรแล้วก็ตามที

ในกลางปี 2007 เมื่อคดีถึงศาลมีคำให้การพาดพิงว่ารองนายกรัฐมนตรีนาจิบ เกี่ยวพันกับคดีฆาตกรรมนี้และมีรูปถ่ายกับเธอ ที่มีชื่อว่า Altantuya Shaariibuu อย่างไรก็ดี มีความพยายามของฝ่ายรัฐบาลที่จะลากคดีให้ยาวขึ้น ยิ่งสาวก็ยิ่งนำไปสู่หลายคำถามที่หาคำตอบไม่ได้ ประชาชนข้องใจว่าเมื่อรองนายกนาจิบปฏิเสธการเกี่ยวพัน แต่เหตุใดจึงไม่ยอมให้การในศาล ยิ่งไปกว่านั้นยังมีการกล่าวหาอีกว่าภรรยาของเขาอยู่ในเหตุการณ์ขณะที่เธอถูกฆ่าอีกด้วย

มีข่าวลือหลายกระแสตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ที่หนักสุดคือการเขียน Blog ของอดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ว่า สมควรรื้อฟื้นคดีฆาตกรรมนี้ขึ้นมาว่าจริงๆ แล้วใครเป็นคนสั่งฆ่า ซึ่งสอดคล้องกับการเปิดเผยของอดีตนายตำรวจที่ถูกคุมขังอยู่ในคุกที่ซิดนีย์ หลังจากศาลมาเลเซียสั่งประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ ร่วมกับเพื่อนตำรวจอีกคนในคดีนี้ ซึ่งทั้ง 2 เป็นอดีตบอดี้การ์ดของนาจิบ เขาบอกว่ามีนายใหญ่สั่งให้เขาฆ่าโดยไม่ยอมเปิดเผยชื่อ เขาสารภาพว่าร่วมกับเพื่อนใช้ปืนยิงศีรษะ 2 นัด และระเบิดร่างซ้ำอีกครั้ง มิใยที่เธอจะคุกเข่าขอชีวิตว่ากำลังท้องอยู่ก็ตาม

คำกล่าวหาก็คือ เธอถูกฆ่าปิดปากเพราะกลัวว่าจะไปเปิดเผยเรื่องการรับ “เงินทอน” ของผู้ใหญ่ และขอส่วนแบ่งจากการซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำจากฝรั่งเศสและสเปน มูลค่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงที่นาจิบเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แค่นั้นยังไม่พอ อดีตนายกรัฐมนตรีมหาธีร์ยังวิจารณ์การซื้อเครื่องบินเจ็ทเพิ่มเติมอีกว่า ไม่ใช่เรื่องจำเป็นเพราะมีเพียงพอแล้ว

ถึงแม้หลักฐานคอร์รัปชันของนาจิบ มาจากสื่อตะวันตกที่มีชื่อเสียงอย่าง The Wall Street Journal อย่างน่าเชื่อถือ แต่นาจิบและพวกก็ไม่สะทกสะท้าน พร้อมกับใช้อำนาจขู่เข็ญสื่อต่างประเทศและในประเทศ และตั้งเจ้าหน้าที่และคณะกรรมการซึ่งเป็นพรรคพวกของตนขึ้นมา “ฟอกตัว” นอกจากนี้ยังออกกฎหมายความมั่นคง เพื่อปิดปากผู้ตั้งคำถามเกี่ยวกับการคอร์รัปชันและฆาตกรรม การลุแก่อำนาจขนานใหญ่พร้อมทั้งการแชเชือนในการอธิบายว่า เงินในบัญชีของเขาจำนวนมากมายมาจากไหน (การอ้างว่าเจ้าชายซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ให้นั้น ไม่มีใครเชื่อ) จนสร้างความเอือมระอาให้แก่ประชาชนมาเลเซียผู้รู้ทันเป็นอย่างมาก

ลูกพี่เก่าคือ มหาธีร์ ผู้ได้เลือกเขาเป็นทายาทรับไม่ได้ จึงกัดฟันออกมาต่อสู้ในวัยเกือบ 93 ปี โดยจับมือกับฝ่ายค้านซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้ามกับตนมายาวนาน เพื่อโค่นล้มนาจิบ และก็ประสบผลสำเร็จ

เมื่อน้ำลดตอก็ต้องผุดเป็นธรรมดา จากคำแถลงของมหาธีร์ นาจิบจะโดนดำเนินคดีต่างๆ อย่างแน่นอน ขณะนี้ก็โดนห้ามเดินทางออกนอกประเทศเพราะกลัวหนีแล้ว จากนี้ไปเรื่องราวคงเข้มข้นขึ้นเป็นลำดับ

ความเลวร้ายที่นาจิบได้กระทำไว้ เป็นสาเหตุสำคัญของความพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างแน่นอน ผู้นำประเทศจะเป็นไปถึงเพียงนี้ได้ต้อง ใจกล้า-หน้าทน-กล้าผจญความเครียด