สอนให้คิดแบบดิจิทัล

สอนให้คิดแบบดิจิทัล

ไม่ใช่แค่ซื้อสมาร์ทโฟนให้ใช้ ลงแอพให้เล่นแล้วจะแสดงว่าลูกหลานจะคิดเป็นแบบดิจิทัล

เล่นได้ไม่ได้หมายความว่าคิดเป็น วันนี้ลูกหลานต้องรู้จักคิดแบบดิจิทัล ไม่เช่นนั้นวันหน้าจะกลายเป็นคนป่า คนดอยยุคดิจิทัล ซึ่งใส่ใจแต่เรื่องเล็ก ละเลยสิ่งที่เป็นเรื่องใหญ่ ตัดสินเรื่องต่างๆ อย่างไร้ตรรกะ ควบคู่กับการมี 2 มาตรฐาน จนดูเหมือนคนขี้อิจฉา บ้าอำนาจ และขาดคุณธรรม ในยุคดิจิทัล ผู้คนจะคิดอะไร ต้องเห็นความจริงในเรื่องนั้น ตั้งแต่ระดับพื้นฐาน เห็นช้างทั้งตัว ไม่ใช่แค่เห็นงาช้าง แล้วคิดว่าช้างสีขาว 

ฝึกคิดแบบดิจิทัล คือฝึกให้เห็นพื้นฐานความเป็นจริงของเรื่องนั้นเป็นเบื้องต้น จากนั้นต้องไม่ใช่แค่เห็น แต่ต้องสามารถแยกแยะความจริงพื้นฐานนั้น ออกมาเป็นส่วนๆ แยกแยะส่วนประกอบโดยรวมออกมาได้ เห็นช้างทั้งตัวแล้ว ยังต้องแยกส่วนออกได้ว่าโดยรวมแล้วช้างมีงา มีงวง มีตา มีขา สอนให้ลูกหลานคิดแบบดิจิทัล เริ่มต้นด้วยการฝึกให้มองเรื่องต่างๆ รอบตัว โดยตั้งแต่เห็นพื้นฐานของเรื่องนั้น สอนให้แยกแยะองค์ประกอบโดยรวมของเรื่องนั้นได้ รวมทั้งเมื่อแยกแยะแต่ละองค์ประกอบได้แล้ว ยังเห็นรายละเอียดอื่นๆ ของแต่ละองค์ประกอบได้อีกด้วย เห็นงวงช้างแล้วต้องบอกได้ว่างวงเป็นอย่างไร เห็นงาต้องบอกได้ว่างาเป็นอย่างไร 

ลูกหลานที่คิดแบบดิจิทัลเป็น จะรู้ว่าอะไรเป็นอย่างไรจากสรรพสิ่งที่พบเห็นจากอินเทอร์เน็ต ไม่เฮโลในเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปตามกระแสที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์

เมื่อเห็นแยกแยะได้ว่าอะไรเป็นอย่างไรจากเรื่องนั้นแล้ว ให้ถามต่อไปว่าเรื่องนั้นมีอะไรที่เหมือน หรือต่างไปจากเรื่องอื่นๆ ที่เคยพบเห็นมา ถ้าเคยเห็นควายมาก่อน แล้วเพิ่งมาเห็นช้าง ก็ต้องสามารถบอกได้ว่ารูปแบบใดบ้างที่ควายกับช้างเหมือนกัน มี 4 ขาเหมือนกัน ตัวสีดำๆ เหมือนกัน รูปแบบที่ต่างกันคือควายมีเขา ช้างมีงา ควายตัวเล็กกว่า ช้างตัวใหญ่กว่า ถ้าเป็นเรื่องการงานต้องเปรียบเทียบได้ว่ารูปแบบของงานนี้ เหมือนหรือต่างไปจากงานเดิมของเราอย่างไร โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางครั้งดูภายนอกในระดับพื้นฐานเหมือนกัน แต่ดูองค์ประกอบโดยรวมและดูรายละเอียดของแต่ละองค์ประกอบแล้วไปคนละเรื่อง เห็นเป็นสภาเหมือนกัน แต่องค์ประกอบต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งขั้นตอนนี้สำคัญมากสำหรับการค้นหาวิธีการทำงานที่เหมาะสมกับเรื่องนั้น เราจะเลือกวิธีที่เหมาะสมได้ ไม่ใช่แค่เห็นว่าเป็นเรื่องอะไร มีองค์ประกอบอย่างไร แล้วรีบร้อนเลือกวิธีการใดวิธีการหนึ่งมาใช้ตามที่เห็น ต้องระลึกให้ได้ก่อนว่าที่พบครั้งนี้ เมื่อเทียบกับที่เคยพบเห็นมาก่อนหน้านั้น เหมือนกันตรงไหน ต่างกันตรงไหน จะได้เลือกใช้วิธีการมาใช้กับเรื่องนั้นได้อย่างมีประสิทธิผล

ก่อนจะลงมือจัดการเรื่องใดที่ได้พบเจอ ต้องโฟกัสให้ชัดก่อนว่าจะจัดการตรงไหน สรุปสาระสำคัญของเรื่องที่ต้องการจัดการให้ได้ เห็นช้างทั้งตัว เห็นช้างอยู่ตรงไหน เห็นช้างกำลังทำอะไรอยู่ เห็นกระทั่งว่าช้างมีแผลถลอกตรงไหน ถ้าคิดไปทุกเรื่องที่เห็น เรื่องเล็กทุกเรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่ทั้งหมด แค่คิดหาวิธีการขับรถหลบช้าง สาระสำคัญคือช้างและรถมีขนาดแค่ไหน เมื่อเทียบกับถนน แต่ไปดูรายละเอียดของแผลถลอกที่ก้นช้าง แล้วมาตั้งเป็นคำถามเพิ่มเติมว่าถ้าขับรถไปทางนั้นแล้วจะมีผลต่อแผลถลอกที่ก้นช้างอย่างไร วิธีขับรถที่จะตอบปัญหานี้ได้เลยต้องทราบชนิดของผิวถนน เพิ่มเติมจากขนาดของถนน เมื่อเทียบกับตัวช้าง ต้องเก็บข้อมูลเพิ่มเติมว่าผิวถนนแบบนั้น เมื่อเจอกับยางรถยนต์ที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่านี้ และรถมีน้ำหนักเท่านั้น กว่าจะหลบช้างได้ ช้างอาจเดินไปไหนต่อไหนเองแล้ว เรื่องเล็กทุกเรื่องกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่แทบจะแก้ไขไม่ได้ ถ้าไม่รู้จักจับประเด็นสำคัญของเรื่องนั้น ที่ต้องการจัดการแก้ไข หรือสร้างสรรค์ให้ดีขึ้น คนที่เผาบ้านทั้งหลังเพื่อกำจัดแมลงสาบเพียงตัวเดียวคือคนที่คิดไม่เป็น และส่วนใหญ่ไม่ยอมรับด้วยว่าตนเองไม่รู้จักคิด

ขั้นตอนสุดท้ายคือ คิดหาวิธีการจัดการสาระสำคัญของเรื่องที่โฟกัสนั้นอย่างเป็นขั้นเป็นตอน และลงมือทำไปตามนั้นไปจนกระทั่งสำเร็จตามที่คาดหวังไว้