หุ้นละตินอเมริกา...ม้ามืดของปี 2561

หุ้นละตินอเมริกา...ม้ามืดของปี 2561

หุ้นละตินอเมริกา...ม้ามืดของปี 2561

ตั้งแต่ต้นปี มองเผินๆ ตลาดหุ้นและพันธบัตรทั่วโลกผันผวนหนัก ผลตอบแทนที่ได้ไม่ดึงดูดใจและต่างจากปีทอง 2017 โดยสิ้นเชิง แต่มีตลาดหุ้นภูมิภาคนึงที่ปรับตัวขึ้นสวนทางตลาดอื่นที่ซบเซา นั่นก็คือ ตลาดหุ้นกลุ่มละตินอเมริกา ที่สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ 2.1% ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

เมื่อพูดถึง “ละตินอเมริกา” อาจจะฟังดูไกลตัวนักลงทุนไทย แต่จริงๆ แล้วกลุ่มประเทศนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศเกิดใหม่คล้ายๆ เรานั่นเอง โดยประเทศที่ตลาดหุ้นมีน้ำหนักสูงสุดคือ บราซิล (60%) ตามมาด้วยเม็กซิโก (24%) ส่วนประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ได้แก่ ชิลี เปรู โคลัมเบีย และอาร์เจนตินา เป็นต้น

หากจะเจาะไปถึงหลากหลายปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดหุ้นละตินอเมริกาขึ้น คือ

  1. Turnaround หรือการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจ หลังจากกลุ่มประเทศละตินอเมริกาตกอยู่ในสภาวะยากลำบากมาตั้งแต่ปี 2554 แต่ในช่วงเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา หลายๆ ประเทศผ่านการปฏิรูปที่สำคัญ และมีสัญญาณการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจ เช่น ขาดดุลงบประมาณน้อยลง ทำผลให้ GDP ปี 2560 ขยายตัวที่ 1.9% ซึ่งดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจากการหดตัว 1.1% ในปี 2559 มองไปข้างหน้า คาดการณ์ GDP ปี 2561 และ 2562 ก็อยู่ในแนวโน้มต่อเนื่องที่ 2.6% และ 2.9% ตามลำดับ โดยได้แรงหนุนหลักจากการบริโภคในภูมิภาคและการส่งออกที่ฟื้นตัวดี ขณะที่นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในหลายประเทศ ยกเว้นเม็กซิโก ก็ช่วยหนุนเพิ่มอีกหนึ่งแรง
  2. ราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีเสถียรภาพขึ้น ละตินอเมริกาเป็นผู้ส่งออกโภคภัณฑ์สำคัญของโลก เช่น ชิลีเป็นผู้ผลิตทองแดงอันดับ 1 เวเนซุเอลาและเม็กซิโกส่งออกน้ำมันเป็นอันดับ 11 และ 13 ของโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่การลดลงของราคาน้ำมันในปี 2557-2558 ทำให้เศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มนี้หดตัวอย่างรุนแรง สังเกตได้จากขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นและทุนสำรองระหว่างประเทศที่ลดลงอย่างรวดเร็ว
  3. ตลาดหุ้นละตินอเมริกายังขึ้นช้า (Laggard) เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นเกิดใหม่อื่นๆ โดยเฉพาะเอเชีย โดยในปี 2560 ดัชนี MSCI Asia ex. Japan ปรับขึ้นกว่า 42% ขณะที่ดัชนี MSCI Latin America บวกเพียง 24% หากพิจารณาอัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า หรือ 12-month forward P/E Ratio จะพบว่าตลาดหุ้นละตินอเมริกาที่ซื้อขายกันอยู่ที่ 13.5 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี ที่ 14 เท่า นอกจากนี้ คาดการณ์การเติบโตผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2562 ยังสูงถึง 14% บ่งบอกถึงการฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง
  4. ผลการเลือกตั้งในหลายประเทศที่สามารถหนุนราคาหุ้น ปีนี้จะมีการเลือกตั้งในบราซิล เม็กซิโก และโคลัมเบีย หากผลเลือกตั้งออกมาตามคาด จะทำให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้น และหนุนตลาดหุ้นให้เดินหน้าได้ต่ออย่างมีนัยสำคัญ ดังที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งของชิลีเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ซึ่งดัชนี MSCI Chile ปรับขึ้นกว่า 19% หลังผลเลือกตั้ง

แม้ตลาดหุ้นละตินอเมริกาจะดูดีมาก แต่ในมิติของการเปรียบเทียบกับตลาดหุ้นอื่น รวมทั้งมุมความเสี่ยง ที่ผ่านการวิเคราะห์ในเชิงพื้นฐาน ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียดูสดใสกว่า โดยคาดการณ์การขยายตัวของ GDP เอเชีย ปี 2561 ยังสูงกว่าที่ 5.9% เทียบกับ 2.6% ของละตินอเมริกา รวมถึงความเสี่ยงหรือขนาดการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงของตลาดหุ้นละตินอเมริกานั้นสูงกว่า แม้ว่าจะกระจายลงทุนในหลายประเทศแล้วก็ตาม ความผันผวนของตลาดหุ้นละตินอเมริกาสูงพอๆ กับการลงทุนในตลาดหุ้นจีนประเทศเดียว นอกจากนี้ ตลาดหุ้นละตินอเมริกายังมีความเสี่ยงที่ไม่ควรมองข้าม คือ 1) ผลการเลือกตั้งที่อาจไม่เป็นไปตามคาด ความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึงปัญหาคอรัปชั่น 2) การปรับตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างไปถึงระดับหนี้ภาครัฐฯ และ 3) ทิศทางเงินดอลลาร์ หากดอลลาร์แข็ง ตลาดหุ้นละตินอเมริกาจะได้รับผลด้านลบถึง 2 ทาง ทางหนึ่งดอลล่าร์ที่แข็งขึ้นจะกดให้ราคาโภคภัณฑ์ลดลง อีกด้านหนึ่งจะจุดชนวนให้เงินทุนไหลออก

โดยสรุป แรงหนุนและความโดดเด่นของผลตอบแทนในตลาดหุ้นละตินอเมริกาอาจทำให้นักลงทุนสนใจเข้าตลาดนี้มากขึ้น สิ่งที่นักลงทุนควรหาคำตอบก่อนวางเงินคือจะลงทุนเท่าไหร่ การจะได้คำตอบนี้ ต้องเริ่มที่ “คุณรับความเสี่ยงได้แค่ไหน”